ผู้นำสหรัฐและญี่ปุ่นเห็นพ้องยกระดับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบโต้การผงาดขึ้นของจีน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น (ซ้าย) เดินทางมาถึงสถานที่แถลงข่าวในสวนกุหลาบของทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 10 เมษายน (Photo by SAUL LOEB / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ เปิดเผยการยกระดับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ระหว่างการเยือนทำเนียบขาวของผู้นำญี่ป่น
ไบเดนปูพรมแดงให้คิชิดะด้วยอาหารค่ำสุดหรู บวกกับดนตรีจากนักร้องในตำนานของสหรัฐอย่าง พอล ไซมอน ในขณะที่เขาพยายามเน้นย้ำถึงความสำคัญของญี่ปุ่นในฐานะพันธมิตรสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ต่อต้านจีน
"นี่เป็นการยกระดับที่สำคัญที่สุดในการเป็นพันธมิตรของเรานับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งขึ้นครั้งแรก” ไบเดนกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับคิชิดะในสวนกุหลาบของทำเนียบขาว
ประธานาธิบดีสหรัฐ วัย 81 ปี กล่าวว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่มีวันแตกหัก และข้อตกลงของพวกเขาเมื่อวันพุธได้กำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับความร่วมมือทางทหารของสองชาติ
ผู้นำทั้งสองเปิดเผยแผนการปรับโครงสร้างกองบัญชาการทหารสหรัฐในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1960 ขณะที่สหรัฐ, ญี่ปุ่น และออสเตรเลียก็จะเปิดตัวเครือข่ายป้องกันภัยทางอากาศร่วมด้วย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้กองกำลังสหรัฐและญี่ปุ่นมีความคล่องตัวมากขึ้น ในกรณีที่เกิดวิกฤติ เช่น การรุกรานไต้หวันของจีน
การยกระดับดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดเกี่ยวกับการอ้างสิทธิ์ของรัฐบาลปักกิ่งเหนือทั้งไต้หวันและบริเวณกว้างใหญ่ของทะเลจีนใต้
ไบเดนยืนยันว่าการยกระดับกองทัพในกลุ่มพันธมิตรหลังบ้านของจีนนั้นเป็น "การป้องกันอย่างแท้จริง" และ "ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประเทศใดประเทศหนึ่งหรือเป็นภัยคุกคามต่อภูมิภาค" และไม่ได้กล่าวถึงความปรารถนาของเขาที่จะสร้างพันธมิตรทั่วทั้งภูมิภาคเพื่อต่อต้านจีน
ขณะเดียวกัน คิชิดะเรียกร้องให้มี "สันติภาพและเสถียรภาพ" ทั่วช่องแคบไต้หวัน ในระหว่างการแถลงข่าว
ในวันพฤหัสบดี ไบเดนจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดไตรภาคีครั้งแรกระหว่างญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์ และสหรัฐอเมริกา โดยมีเป้าหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับทั้งสองประเทศให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม การต้อนรับคิชิดะอย่างเอิกเกริกยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นย้ำความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจในวงกว้างระหว่างพันธมิตรสองประเทศที่เคยทำสงครามกันเมื่อ 80 ปีที่แล้ว
ไบเดนประกาศว่าคนญี่ปุ่นจะเป็นชาติแรกที่ไม่ใช่คนอเมริกันที่จะได้เดินบนดวงจันทร์ในภารกิจของสหรัฐ ซึ่งจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
สองผู้นำยังร่วมประกาศข้อตกลงด้านเทคโนโลยี รวมถึงปัญญาประดิษฐ์และเศรษฐกิจ
คิชิดะเป็นผู้นำญี่ปุ่นคนแรกที่เดินทางเยือนสหรัฐอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่การเยือนของชินโซ อาเบะ ในปี 2558 และเป็นเพียงผู้นำโลกคนที่ 5 ที่ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งในปี 2564.
