ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ลุ้นการนับคะแนนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาที่อาจตัดสินความอยู่รอดของรัฐบาล หลังคะแนนนิยมลดฮวบต่อเนื่อง
การลงคะแนนที่คูหาของหน่วยเลือกตั้งในกรุงโซล ระหว่างการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาของชาวเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 10 เมษายน (Photo by ANTHONY WALLACE / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 10 เมษายน 2567 กล่าวว่า ชาวเกาหลีใต้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของรัฐบาล ท่ามกลางกระแสความนิยมของประธานาธิบดีที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไป ยุน ซ็อก-ยอล ผู้นำรัฐบาล และอี แจ-มย็อง ผู้นำฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ ต่างต้องการคว้าเสียงข้างมากเพื่อคุมอำนาจในรัฐสภาเป็นฐานและข้อได้เปรียบในการเลือกตั้งสนามใหญ่
แต่ความไม่พอใจในตัวประธานาธิบดีที่เพิ่มขึ้นและเรื่องอื้อฉาวมากมายของผู้นำฝ่ายค้านที่เคยถูกลอบทำร้ายเมื่อต้นปี อาจกระตุ้นให้คะแนนเสียงเทไปอยู่พรรคอื่นๆ โดยเฉพาะคะแนนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรุ่นเยาว์ในประเทศที่มีประชากรกว่า 51 ล้านคน
ยุน เอาชนะลีในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่สูสีที่สุดของเกาหลีใต้ในปี 2565 และยืนหยัดต่อสู้กับภาวะคุกคามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่วันแรกที่ดำรงตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็ปรับปรุงความสัมพันธ์กับรัฐบาลวอชิงตันและอดีตเจ้าอาณานิคมอย่างญี่ปุ่น
สำหรับลี แม้จะต้องต่อสู้กับการสอบสวนเรื่องการรับสินบนที่เขาโทษว่าเป็นกระบวนการทำลายล้างทางการเมือง แต่เขาก็อดทนสั่งสมอำนาจในรัฐสภาชุดปัจจุบันและหวังได้เก้าอี้เพิ่มจากการเลือกตั้งครั้งนี้ เพื่อให้พรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลีของเขามีเสียงมากพอที่จะถอดถอนยุนได้
นับตั้งแต่เริ่มดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ยุนไม่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเลย โดยเรตติ้งเคยร่วงแตะระดับต่ำสุดที่ 30 และการที่พรรคพลังประชาชนเกาหลีใต้ของเขาขาดการขับเคลื่อนด้วยเสียงข้างมากในรัฐสภา ทำให้เป็นอุปสรรคอย่างมากในการออกกฏหมายอนุรักษนิยมทางสังคมของเขา ซึ่งรวมถึงแผนปฏิรูปทางการแพทย์ที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง แต่ได้จุดชนวนให้เกิดการประท้วงหยุดงานโดยกลุ่มแพทย์ทั่วประเทศ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ด้วยอัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดในโลก ยุน ซ็อก-ยอลอาจได้คะแนนเสียงฐานจากประชาชนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งมีจำนวนมากกว่าประชาชนที่มีอายุ 20 และ 30 ปี โดยเชื่อกันว่าผู้ลงคะแนนเสียงที่มีอายุมากกว่า 60 ปีเป็นตัวแทนของฐานอนุรักษนิยมที่น่าเกรงขามสำหรับยุนและพรรคของเขา
เนื่องด้วยสภาพสังคมแห่งการแข่งขัน ชาวเกาหลีอายุน้อยมีแนวโน้มต่ำที่จะออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหรือแม้แต่จะสนใจการเมือง
คนรุ่นใหม่ยังต้องดิ้นรนทางเศรษฐกิจ, การแข่งขันที่ดุเดือดด้านการศึกษา, โอกาสในการทำงานน้อยลง และค่าที่พักอาศัยที่สูงลิบลิ่ว ทำให้พวกเขาจดจ่ออยู่กับสถานะทางสังคมและการเงินเป็นหลัก ต่างจากคนสูงอายุที่เกษียณแล้วและมีเวลาสนใจการเมืองมากกว่าปากท้อง
ทั้งนี้ การลงคะแนนเสียงจะสิ้นสุดเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย)
ผลสำรวจเอ็กซิทโพลล่าสุด พรรคฝ่ายค้านกวาดที่นั่งได้ถล่มทลายและอาจได้มากกว่า 200 ที่นั่งจากทั้งหมด 300 ที่นั่ง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลของยุน ซ็อก-ยอล กลายเป็นรัฐบาลเป็ดง่อยและตกที่นั่งลำบากในการบริหารประเทศตลอด 3 ปีที่เหลือ.