รัฐบาลปักกิ่งตอบโต้ความกังวลของสหรัฐฯ ที่ว่าการทุ่มส่งออกของจีนด้วยสินค้าต้นทุนต่ำทำให้เกิดความเสี่ยงต่อตลาดโลก
นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีน (ขวา) จับมือกับเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ระหว่างหารือกันที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 7 เมษายน (Photo by Tatan Syuflana / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 8 เมษายน 2567 กล่าวว่า เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐอเมริกาได้เข้าพบและหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ของจีนเมื่อวันอาทิตย์ และมีโอกาสได้พบกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนหลายแห่งตลอดภารกิจ 4 วันในดินแดนมังกร
เยลเลนได้สรุปภาพรวมหลังการหารือกับเจ้าหน้าที่จีนมาหลายวัน กล่าวว่า จีนตอบรับทางบวกในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศให้มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะเปิดช่องทางสำหรับการเจรจาเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินทางอุตสาหกรรม แม้ว่าจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในจุดยืนของทั้งสองรัฐบาล
ทั้งนี้ ความกังวลล่าสุดของสหรัฐฯ ก็คือ การสนับสนุนของรัฐบาลจีนในการเสริมสร้างกำลังการผลิตจนมากกว่าที่ตลาดโลกจะสามารถรองรับได้ ทำให้การส่งออกสินค้าราคาถูกจำนวนมากในภาคส่วนสำคัญๆ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และรถยนต์ไฟฟ้า อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมเหล่านั้นในประเทศอื่นๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการค้าเสรีทั้งในระดับรัฐและเอกชน
แต่หวัง เหวินเทา รัฐมนตรีพาณิชย์จีน กล่าวตอบโต้ประเด็นนั้นระหว่างการเดินทางไปปารีสเมื่อวันอาทิตย์ว่า "ข้อกล่าวหาของสหรัฐฯ และยุโรปเรื่อง 'กำลังการผลิตล้นของจีน' นั้นไม่มีมูลความจริง"
หวัง เหวินเทากล่าวว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนนั้นเกิดจากนวัตกรรมและห่วงโซ่อุปทานตามกระแสนิยม ไม่ใช่การอุดหนุนจากรัฐบาล
เขาเสริมว่า รัฐบาลปักกิ่งจะสนับสนุนด้านนโยบายต่างๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของธุรกิจจีน แต่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจีนเองปฏิเสธข้อกังวลเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะไม่แทรกแซงอุตสาหกรรม
สหภาพยุโรปได้เริ่มสอบสวนเรื่องการอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งอาจนำไปสู่การเก็บภาษีรถยนต์เหล่านั้นอย่างไม่ยุติธรรมในราคาที่ต่ำกว่า
ขณะปฏิบัติภารกิจในจีน เยลเลนได้หยิบยกเรื่องความสามารถทางการผลิตที่มีมากเกินความต้องการตลาดในการเจรจากับเจ้าหน้าที่และผู้นำทางธุรกิจในเมืองกวางโจวทางตอนใต้และเมืองหลวงปักกิ่ง และยังนำประเด็นนี้เข้าร่วมหารือกับนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง เพื่อโน้มน้าวให้เกิดการปรับเปลี่ยนนโยบายระดับสูงสุดของจีน
ตามข้อมูลของสำนักข่าวซินหัว หลี่บอกกับเยลเลนว่า รัฐบาลวอชิงตันไม่ควรตระหนก และควรมองประเด็นกำลังการผลิตอย่างเป็นกลางจากมุมมองของตลาด
นายกฯจีนยังกล่าวอีกว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ของจีนจะมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมสีเขียวและสิ่งแวดล้อมคาร์บอนต่ำทั่วโลก
ขณะที่เยลเลนยอมรับว่า ประเด็นนี้เป็นปัญหาที่ซับซ้อนด้านกลยุทธ์เศรษฐกิจมหภาคและอุตสาหกรรมทั้งหมด ซึ่งไม่อาจแก้ไขให้ลงเอยได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม จุดยืนของรัฐบาลวอชิงตันคือการไม่ยอมรับสินค้าราคาถูกของจีนที่ล้นตลาดโลกเกินควบคุม
แต่เธอสรุปกับเจ้าหน้าที่จีนว่า ประเด็นนี้สำคัญต่อสหรัฐอเมริกาและจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน รวมถึงความสัมพันธ์ของจีนกับประเทศอื่นๆ ในอนาคต
แม้จะไม่ได้บทสรุปเรื่องดังกล่าว แต่ความสัมพันธ์ทวิภาคีของสหรัฐและจีนมีเสถียรภาพมากขึ้นจากการเจรจาระดับสูงของเยลเลน โดยทั้งสองฝ่ายเต็มใจที่จะร่วมมือในประเด็นต่างๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, การปรับโครงสร้างหนี้ และการต่อต้านการฟอกเงิน.