หน่วยกู้ภัยไต้หวันเร่งค้นหาผู้ที่ยังสูญหายหลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 25 ปี ล่าสุดช่วยเหลือออกจากถ้ำคดเคี้ยวในพื้นที่ภูเขาทางตะวันออกได้อย่างปลอดภัยแล้ว 9 คน และพบอีก 2 คนที่อาจเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่กู้ภัยไต้หวันกำลังเดินผ่านอุโมงค์ในอุทยานแห่งชาติทาโรโกะ เพื่อค้นหาผู้ประสบภัยที่ติดค้างเพราะหินถล่มปิดเส้นทางเข้าออก เมื่อวันที่ 5 เมษายน (Photo by Handout / Taiwan’s Central Emergency Operations Center / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2567 กล่าวว่า ยอดผู้เสียชีวิตเหตุแผ่นดินไหวไต้หวันครั้งรุนแรงสุดในรอบ 25 ปี ล่าสุดอยู่ที่ 10 ราย ขณะที่ตัวเลขผู้บาดเจ็บรวมทุกพื้นที่ 1,106 คน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายปกครองของเทศมณฑลฮวาเหลียนซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ระบุว่า พบร่องรอยผู้สูญหายที่อาจเสียชีวิตอีก 2 รายบนเส้นทางเดินป่า และกำลังตรวจสอบหาข้อเท็จจริงเพื่อยืนยันอย่างเป็นทางการ
"ขณะนี้ ยังไม่สามารถระบุตัวตนบุคคล 2 คนที่ถูกพบบริเวณพื้นที่เกิดเหตุได้ เนื่องจากร่างถูกฝังไว้ลึกเกินไปและเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถขุดออกมาได้ทั้งหมด" ตามการระบุของสำนักงานภัยพิบัติแห่งไต้หวัน
ในวันที่สองหลังเกิดแผ่นดินไหว ยังคงมีผู้คนหลายร้อยคนติดอยู่ในพื้นที่รอบๆ ภูเขาในฮวาเหลียน และยังมีถนนหลายสายถูกปิดกั้นด้วยดินและหินถล่ม อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันว่าผู้ประสบภัยส่วนใหญ่ปลอดภัย เนื่องจากหน่วยกู้ภัยได้ส่งเฮลิคอปเตอร์, โดรน และทีมช่วยเหลือกลุ่มเล็กๆ เพื่อเข้าถึงพวกเขาไปก่อนแล้ว
ฝ่ายปกครองของเทศมณฑลระบุว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบผู้รอดชีวิต 9 คนในถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่เรียกกันว่า 'อุโมงค์ 9 โค้ง' และล่าสุดสามารถช่วยทั้งหมดออกมาได้อย่างปลอดภัย
ในใจกลางเมืองฮวาเหลียน คนงานได้เริ่มรื้อถอนอาคารชื่อ 'ยูเรนัส' ซึ่งเอียงเป็นมุม 45 องศาตั้งแต่หลังเหตุแผ่นดินไหว โดยอาคารแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 2529 และคาดว่าจะรื้อถอนเสร็จภายในสองสัปดาห์
มีรายงานผู้ประสบเหตุติดค้างตามพื้นที่ต่างๆมากกว่า 700 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รับการติดต่อแจ้งเหตุแล้ว แต่ยังมีอีก 18 คนที่สูญหายโดยไม่มีข่าวคราว
นอกจากนี้ ยังมีผู้ประสบภัยจำนวน 9 คนถูกนำตัวออกจากโรงแรมหรู Silks Place Taroko ด้วยเฮลิคอปเตอร์
หนึ่งในสถานที่ที่ถูกตัดขาดอีกแห่งคือหอพักเยาวชน ซึ่งเจ้าหน้าที่รายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ผู้คนมากกว่า 50 คน รวมทั้งชาวอังกฤษ 1 คน และชาวเยอรมัน 4 คน ติดค้างอยู่ในสถานที่ดังกล่าวระหว่างรอการฟื้นฟูถนนเพื่อให้ความช่วยเหลือเข้าถึง.
