นายกรัฐมนตรีอินเดียเดินทางเยือนภูฏานเมื่อวันศุกร์ หวังสานสัมพันธ์แข่งกับจีนที่เดินหน้าข้อตกลงด้านยุทธศาสตร์ไปก่อนแล้ว
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย (ที่ 4 จากซ้าย) เดินทางถึงสนามบินนานาชาติปาโรในเมืองปาโร ประเทศภูฏาน เมื่อวันที่ 22 มีนาคม (Photo by Upasana DAHAL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2567 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย เดินทางเยือนราชอาณาจักรภูฏานเป็นเวลา 2 วัน ในภารกิจสานสัมพันธ์กับประเทศหิมาลัยเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์
รัฐบาลนิวเดลียกย่องภูฏานในฐานะรัฐกันชนที่มั่นคง เพราะตั้งอยู่คั่นกลางระหว่างอินเดียและจีน และยังเป็นประเทศที่ปลอดภัยสำหรับการสานสัมพันธ์ เนื่องจากดินแดนซึ่งไม่มีทางออกสู่ทะเลแห่งนี้เป็นที่รู้จักในฐานะรัฐที่ดำเนินนโยบายให้ความสำคัญกับ "ความสุขมวลรวมของประชาชาติ" มากกว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อินเดียมุ่งมั่นที่จะไม่ปล่อยให้จีนเข้ามามีอำนาจเหนือสิ่งที่มองว่าเป็นสิทธิทางยุทธศาสตร์ในอาณาเขตตามธรรมชาติของตน หลังรัฐบาลปักกิ่งไล่บรรลุข้อตกลงทางการค้าและโครงสร้างพื้นฐานกับประเทศละแวกนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
"การเยือนครั้งนี้เป็นไปตามประเพณีการแลกเปลี่ยนระดับสูงเป็นประจำระหว่างอินเดียและภูฏาน บนพื้นฐานนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อประเทศเพื่อนบ้านเป็นอันดับหนึ่ง (Neighborhood First Policy)" ตามแถลงการณ์ของสำนักนายกรัฐมนตรีอินเดีย
อินเดียดำเนินนโยบายต่างประเทศกับภูฏานอย่างมีนัยสำคัญจนถึงปี 2550 และหลังจากนั้นหนึ่งปี ราชอาณาจักรแห่งนี้ได้เปลี่ยนรูปแบบการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา
ภูฏานไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับจีน แต่ทั้งสองประเทศได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ภายหลังการเจรจาปัญหาพรมแดนที่มีข้อขัดแย้งกันมานาน
มีรายงานผ่านภาพถ่ายดาวเทียมที่ระบุว่า พบเห็นโครงการก่อสร้างนิคมของจีนที่ไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่ชายแดนทางตอนเหนือของภูฏาน
รายงานเสริมว่า การก่อสร้างดังกล่าวอาจทำให้พื้นที่เหล่านั้นกลายเป็นดินแดนจีนอย่างถาวร หากข้อตกลงชายแดนเกิดขึ้น
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โมดีเพิ่งให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีเชอริ่ง ต๊อบเกย์ ของภูฏานในการเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเขา หลังจากกลับมาดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ในเดือนมกราคม.
