ผู้นำปาเลสไตน์แต่งตั้งโมฮัมเหม็ด มุสตาฟา เป็นนายกฯคนใหม่

ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ได้แต่งตั้งโมฮัมเหม็ด มุสตาฟา อดีตที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจที่ได้รับความไว้วางใจมายาวนาน ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาส ของปาเลสไตน์ (ซ้าย) ถ่ายภาพร่วมกับโมฮัมเหม็ด มุสตาฟา นายกรัฐมนตรีปาเลสไตน์ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้ง ในเมืองรามัลเลาะห์ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม (Photo by PPO / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาส ของปาเลสไตน์ได้แต่งตั้งโมฮัมเหม็ด มุสตาฟา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่

การแต่งตั้งมุสตาฟาเกิดขึ้นไม่ถึงสามสัปดาห์หลังจากโมฮัมหมัด ชเตย์เยห์ นายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้าประกาศลาออก โดยอ้างถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงภายหลังการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งก่อให้เกิดสงครามกับอิสราเอลในฉนวนกาซา

มุสตาฟาวัย 69 ปี ต้องเข้ามารับหน้าเสื่อในภารกิจจัดตั้งรัฐบาลปาเลสไตน์ชุดใหม่ ซึ่งมีอำนาจจำกัดอยู่แค่พื้นที่บางส่วนของเขตเวสต์แบงก์ที่อิสราเอลยึดครอง

มุสตาฟา ซึ่งศึกษาที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ในสหรัฐอเมริกา เป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารอิสระขององค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ เขาเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกิจการเศรษฐกิจ, ตำแหน่งคณะกรรมการบริหารของกองทุนเพื่อการลงทุนปาเลสไตน์ และเคยทำงานในตำแหน่งอาวุโสหลายตำแหน่งที่ธนาคารโลก

นอกจากนี้ เขายังเป็นที่ปรึกษาพิเศษที่คอยให้คำแนะนำแก่รัฐบาลคูเวตและกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ

ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การควบคุมดินแดนปาเลสไตน์ได้ถูกแบ่งระหว่างหน่วยงานปาเลสไตน์ของอับบาสในเขตเวสต์แบงก์ และกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา

ขณะที่มุสตาฟาเคยมีส่วนร่วมในความพยายามฟื้นฟูฉนวนกาซาหลังจากการรุกรานของอิสราเอลในปี 2557

สงครามฉนวนกาซาในปัจจุบันปะทุขึ้นหลังจากกลุ่มติดอาวุธฮามาสโจมตีทางตอนใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,160 ราย และการโจมตีตอบโต้ของทหารอิสราเอลในฉนวนกาซาได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 31,341 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก

ในช่วงสงคราม ความรุนแรงในเขตเวสต์แบงก์ได้ลุกลามไปสู่ระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบเกือบสองทศวรรษ

กองทหารและผู้ตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลได้สังหารชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 430 รายในเขตเวสต์แบงก์นับตั้งแต่สงครามฉนวนกาซาเริ่มต้นขึ้น ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขในเมืองรามัลเลาะห์

สหรัฐอเมริกาและมหาอำนาจอื่นๆ เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการปกครองปาเลสไตน์และจัดตั้งรัฐบาลที่มีอำนาจบริหารจัดการดินแดนปาเลสไตน์ทั้งหมดหลังสิ้นสุดสงคราม ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่มชาวปาเลสไตน์ รวมถึงกลุ่มฮามาสและกลุ่มฟาตาห์ ยินดีร่วมผลักดันให้เกิดขึ้น.