กลุ่มชนเผ่าที่สู้รบกันในปาปัวนิวกินีทำการเจรจาหยุดยิงชั่วคราวเมื่อวันพุธ โดยตกลงที่จะยุติการสังหารล้างแค้นกันไปมาที่กลายเป็นความรุนแรงในพื้นที่ห่างไกลของประเทศ
ผู้นำของชนเผ่าพันธมิตรปาลิเนา (ที่ 2 จากซ้าย) ลงนามข้อตกลงหยุดยิง 3 เดือนกับชนเผ่าพันธมิตรโยโป ขณะที่เดวิด แมนนิ่ง ผู้บัญชาการตำรวจปาปัวนิวกินี (ขวา) และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เป็นสักขีพยานระหว่างการประชุมที่กรุงพอร์ตมอร์สบี เมื่อวันที่ 13 มีนาคม (Photo by GORETHY KENNETH / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 13 มีนาคม 2567 กล่าวว่า จากเหตุรุนแรงในปาปัวนิวกินีระหว่างการทำสงครามของกลุ่มชนเผ่าในพื้นที่ราบสูงแห่งหนึ่งตั้งแต่เดือนที่แล้ว จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ล่าสุดมีการเจรจาสงบศึกชั่วคราวเพื่อยุติการนองเลือดแล้ว
การสู้รบแบบตาต่อตาฟันต่อฟันที่ยืดเยื้อมานานหลายปีในจังหวัดเอนกาทางตอนกลางของปาปัวนิวกินีได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยมีชาวชนเผ่ามากถึง 64 รายถูกสังหารระหว่างการซุ่มโจมตีที่น่าสยดสยองในเดือนกุมภาพันธ์
พื้นที่กันดารและไร้กฎหมายแห่งนี้เป็นสถานที่เกิดเหตุสังหารหมู่ระหว่างชนเผ่าโยโป, ปาลิเนา, ซิกิน, อัมบูลิน, เคคิน และชนเผ่าอื่นๆ มานานหลายปี โดยการโจมตีตอบโต้แต่ละครั้งทำให้เกิดการสูญเสียอย่างสยดสยองมาตลอด จนทางการต้องระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย และป้องกันความรุนแรงและการแก้แค้นกันไปมา
สถานการณ์ล่าสุด ทางการสามารถกล่อมชนเผ่า 2 กลุ่มให้ยอมเจรจาสงบศึกชั่วคราวได้แล้ว โดย 2 ชนเผ่าดังกล่าวคือกลุ่มพันธมิตรโยโปและกลุ่มพันธมิตรปาลิเนา ที่ยอมส่งตัวแทนมาพบกันที่เมืองหลวงพอร์ตมอร์สบีเมื่อวันพุธ เพื่อยุติการสู้รบนาน 3 เดือน
ข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวระบุว่า การปะทะกันอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ผู้คนหลายพันคนต้องพลัดถิ่นและนำไปสู่วิกฤตด้านมนุษยธรรม ดังนั้นกลุ่มพันธมิตรโยโปและกลุ่มพันธมิตรปาลิเนาที่สู้รบกันมาตลอด ได้ตกลงวางอาวุธและยุติการสู้รบที่ไม่เป็นมิตรทุกรูปแบบ
ข้อตกลงฉบับนี้รับทราบถึงการสูญเสียชีวิตจำนวนมากของทั้งสองฝ่าย รวมทั้งการทำลายล้างบ้านเรือน, การดำรงชีวิต, ที่ดิน และทรัพย์สินอีกมากมาย
การลงนามข้อตกลงฉบับนี้กระทำขึ้นต่อหน้าเดวิด แมนนิ่ง ผู้บัญชาการตำรวจปาปัวนิวกินี ซึ่งเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยและรับรองการเป็นพยานสำหรับการหยุดยิงครั้งนี้
กลุ่มชนเผ่าบนพื้นที่สูงทำการต่อสู้กันในปาปัวนิวกินีมานานหลายศตวรรษแล้ว แต่การไหลบ่าเข้ามาของทหารรับจ้างและอาวุธสมัยใหม่ได้จุดชนวนวงจรแห่งความรุนแรงในระยะหลัง
นายกรัฐมนตรีเจมส์ มาราเป ให้คำมั่นว่าจะปราบปราม "ความไร้กฎหมาย" ที่เพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ดังกล่าวของประเทศ และจะเพิ่มกองกำลังตำรวจเพื่อช่วยหยุดยั้งการนองเลือด
การซุ่มโจมตีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ถือเป็นเรื่องน่าตกใจอย่างยิ่ง โดยตำรวจเรียกการสังหารครั้งนี้ว่าเป็น “การกระทำที่น่าอับอายและป่าเถื่อน” โดยหลายสิบศพที่ตำรวจพบเจอ ล้วนเปลื้องผ้าและร่างเต็มไปด้วยเลือดนอนอยู่ข้างถนนและส่วนหนึ่งกองทับกันอยู่บนท้ายรถบรรทุก บางรายพบว่าแขนขาหักและถูกทิ้งให้เปลือยเปล่าข้างถนนพร้อมขวดเบียร์หรือกระป๋องวางไว้บนหน้าอก
ในอดีต รัฐบาลปาปัวนิวกินีได้พยายามปราบปราม, ใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย, นิรโทษกรรมอาวุธปืน และกลยุทธ์อื่นๆ มากมายเพื่อหยุดยั้งความรุนแรง แต่แทบไม่ประสบความสำเร็จเลย
ประชากรของปาปัวนิวกินีมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่านับตั้งแต่ปี 2523 ทำให้เกิดความตึงเครียดในการครอบครองพื้นที่ทำกินและทรัพยากรเพิ่มมากขึ้น จนกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันระหว่างชนเผ่าและกลายเป็นความขัดแย้งร้าวลึกมาตลอด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้นำปาปัวนิวกินีตอบโต้เรื่องเล่ามนุษย์กินคนของ 'โจ ไบเดน'
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเปรยถึงลุงของเขา ซึ่งถูกยิงเครื่องบินตกที่ปาปัวนิวกินีในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง และถูกจับไปเป็