ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ใช้เวทีปราศัยประจำปีต่อรัฐสภาในการโจมตีอย่างดุเดือดต่อโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งในการเลือกตั้งว่าเป็นตัวอันตรายในหลายประเด็น
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ กล่าวปราศรัยประจำปีต่อรัฐสภา ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 7 มีนาคม โดยมีรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส (ซ้าย) และไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอยู่ด้านหลัง (Photo by SAUL LOEB / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 8 มีนาคม 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภานานร่วมชั่วโมง พร้อมยืนยันว่าตัวเองยังแข็งแรงดีพอจะบริหารประเทศต่อไปอีก 4 ปี
ไบเดนวัย 81 ปี ปล่อยหมัดเด็ดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นการปราศรัย โดยกล่าวหาว่าพรรครีพับลิกันยอมก้มหัวให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และหาเรื่องตัวเขาในทุกประเด็นตั้งแต่การทำแท้งไปจนถึงเศรษฐกิจ
"ไม่ใช่แค่ยุคสมัยของประธานาธิบดีลินคอล์นและสงครามกลางเมืองเท่านั้นที่เสรีภาพและประชาธิปไตยถูกโจมตี แต่ทุกวันนี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่ ทั้งในประเทศของเราเองและจากต่างประเทศ" ไบเดนกล่าวโดยเลี่ยงการเอ่ยชื่อโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ใช้คำว่า ผู้นำคนก่อน แทน
"ความคิดเห็นล่าสุดของผู้นำคนก่อนที่สงสัยในบทบาทของรัฐบาลวอชิงตันในนาโต ถือเป็นการก้มหัวให้ผู้นำรัสเซีย ซึ่งเดโมแครตจะไม่มีวันทำเช่นนั้น" ไบเดนกล่าว
การแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาของประธานาธิบดีเป็นโอกาสพิเศษสำหรับไบเดนที่จะส่งข้อความถึงการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน ต่อหน้าพันธมิตรและศัตรูทางการเมือง รวมทั้งประชาชนจำนวนหลายล้านคนที่เฝ้าดูผ่านการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ
ไบเดนใช้เวลาปราศรัยชั่วโมงกว่าๆ ถือเป็นการทดสอบความสามารถของเขาในฐานะประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดของสหรัฐฯ ที่ยังมีทั้งความสามารถในการบริหารประเทศและเขี้ยวเล็บในการรับมือฝ่ายตรงข้าม
สมาชิกพรรคเดโมแครตในรัฐสภาเฉลิมฉลองการปราศรัยของไบเดนและตะโกนเชียร์ด้วยคำว่า "อีก 4 ปี" และรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ก็ลุกขึ้นยืนบ่อยครั้งเพื่อปรบมือให้กับไบเดนจากที่นั่งข้างหลังเขา ในขณะที่ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันได้แต่ส่ายหัว
จากผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุด โดนัลด์ ทรัมป์วัย 77 ปี มีคะแนนความนิยมนำเหนือไบเดนเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ต้องเผชิญข้อหาทางอาญาหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับความพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2563 และการปฏิเสธที่จะส่งคืนกล่องเอกสารลับสุดยอดหลังออกจากทำเนียบขาว
ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะตอบโต้คำปราศรัยของไบเดน และชี้ให้เห็นว่าไบเดนใช้อารมณ์รุนแรงในการพูดถึงเขา ซึ่งเป็นลักษณะของคนที่รู้ตัวว่ากำลังจะแพ้
"ความโกรธและการตะโกนไม่ช่วยนำประเทศของเราให้กลับมาสามัคคีกัน!" ทรัมป์แสดงความเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย
ในคำปราศัยของไบเดน มีการตำหนิฝ่ายตรงข้ามประเด็นที่พรรครีพับลิกันต่อต้านกฎหมายการทำแท้งเสรี โดยกล่าวว่าพวกคนเหล่านั้นไม่เข้าใจผู้หญิงอเมริกันดีพอ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคเดโมแครตมองว่าจะเป็นประเด็นสำคัญให้ได้รับคะแนนเสียงท่วมท้น
ไบเดนยังยกย่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เฟื่องฟูว่าเป็น "เรื่องราวการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด" แม้ว่าชาวอเมริกันจะยังคงไม่พอใจกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น และภาคธุรกิจไม่ตอบรับการขยายตัว
"ผมเป็นคนฉุดเศรษฐกิจที่อยู่ในขอบเหวขึ้นมา และตอนนี้เศรษฐกิจของเราเป็นที่อิจฉาของคนทั้งโลกอย่างแท้จริง" ไบเดนกล่าว
ท่าทีสนับสนุนการทำสงครามในฉนวนกาซาของรัฐบาลเดโมแครต ทำให้เกิดความโกรธเกรี้ยวในหมู่ฝ่ายซ้ายและชุมชนอาหรับอเมริกันต่อโจ ไบเดนที่ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อความพยายามของอิสราเอลในการบดขยี้กลุ่มฮามาส
ไบเดนปกป้องตัวเองจากประเด็นดังกล่าวว่า เขาเรียกร้องมาเสมอให้มีการหยุดยิงทันที และได้สั่งให้กองทัพสหรัฐฯ สร้างท่าเรือบนชายฝั่งฉนวนกาซาเพื่อให้ความช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ ขณะเดียวกันก็สัญญาว่าจะไม่ส่งทหารอเมริกันเข้าไปแทรกแซงหรือช่วยเหลือในดินแดนที่มีการสู้รบ
ขณะเดียวกัน ไบเดนก็พยายามแสดงจุดยืนคนละฝั่งกับพรรครีพับลิกันในประเด็นร้อนเกี่ยวกับการอพยพย้ายถิ่นฐาน โดยเรียกร้องพวกเขาให้ความร่วมมือในการผ่านร่างกฎหมายที่จะเพิ่มการควบคุมบริเวณชายแดนเม็กซิโก เพื่อแก้ปัญหาผู้อพยพทะลักเข้าประเทศ
ความคิดเห็นของชาวอเมริกันที่มีต่อความชราภาพของไบเดน ถือเป็นข้อกังวลอันดับต้นๆ สำหรับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งเจ้าตัวได้ตอบโต้กลับว่า เขายังไม่แก่เกินไปสำหรับการบริหารประเทศ แถมยังสั่งสมประสบการณ์มากขึ้นตามอายุที่มากขึ้นอีกด้วย และมั่นใจว่าเขารู้จักทุกอย่างที่เกี่ยวกับอเมริกา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นายกฯอิ๊งค์' ยกไอแพดคุย 'ทรัมป์' แสดงความยินดีชนะเลือกตั้ง ยันไทยพร้อมทำงานกับสหรัฐฯ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับ นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิ