คู่ปรับเดิมอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะได้แย่งชิงทำเนียบขาวกันอีกสมัย หลังจากคู่แข่งคนสุดท้ายของพรรครีพับลิกันอย่างนิกกี เฮลีย์ พ่ายแพ้อย่างย่อยยับในศึกไพรมารี Super Tuesday
โดนัลด์ ทรัมป์ และโจ ไบเดน คู่ชิงชัยในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปี 2024 (Photo by TANNEN MAURY and Brendan Smialowski / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม 2567 กล่าวว่า การขับเคี่ยวแย่งชิงตัวแทนพรรครีพับลิกันในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้สิ้นสุดลงแล้ว หลังนิกกี เฮลีย์ ยอมยกธงขาว ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ได้เป็นตัวแทนพรรคฯในท้ายที่สุด
หลังพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในศึกไพรมารี "Super Tuesday" นิกกี เฮลีย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันก็ขอถอนตัวจากการแข่งขัน และภายในไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น โจ ไบเดน วัย 81 ปี และโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 77 ปี เริ่มแคมเปญหาเสียงกับผู้สนับสนุนของเฮลีย์ทันที ในการแข่งขันระหว่างชายสูงอายุ 2 คน ซึ่งผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งชาวอเมริกันจำนวนมากกล่าวว่าพวกเขาไม่ต้องการ
เฮลีย์ปฏิเสธที่จะสนับสนุนทรัมป์ซึ่งเผชิญกับความผิดทางอาญาหลายครั้งและเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับความพยายามโค่นล้มการเลือกตั้งในปี 2020 โดยเธอกล่าวว่า ทรัมป์จะต้องทำงานอย่างหนักหากหวังได้รับการสนับสนุนจากผู้ติดตามของเธอ
"ฉันขอแสดงความยินดีกับเขาและอวยพรให้เขาโชคดี" เฮลีย์ วัย 52 ปี กล่าวถึงทรัมป์ พร้อมเสริมว่าสหรัฐฯจะต้องเดินหน้าด้วยการหันหลังให้กับความมืดมิด, ความเกลียดชัง และการแบ่งแยก
นอกจากนี้ เธอยังคร่ำครวญที่สหรัฐฯลดสถานะตนเองในประเด็นต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงยูเครน ในขณะที่ทรัมป์และพันธมิตรรีพับลิกันฝ่ายขวาสุดของเขายืนกรานขัดขวางการให้ความช่วยเหลือยูเครน
ทรัมป์ประกาศว่าเขาโค่นเฮลีย์ลงได้แล้ว และเชื้อเชิญผู้สนับสนุนเธอให้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
ทรัมป์เอาชนะเฮลีย์ได้ถึง 14 รัฐจาก 15 รัฐ และเฮลีย์ชนะเขาได้ที่รัฐเวอร์มอนต์เพียงแห่งเดียว ก่อนพ่ายแพ้ในรัฐเซาท์แคโรไลนาซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอเอง และยอมยกธงขาวในท้ายที่สุด
ขณะที่ไบเดนยกย่องความกล้าหาญของเธอในการบอก "ความจริงเกี่ยวกับทรัมป์" และกล่าวว่ามีที่ว่างเสมอสำหรับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่สนับสนุนเฮลีย์ ในการรณรงค์หาเสียงของเขา
การถอนตัวของเฮลีย์ทำให้เกิดการเลือกตั้งที่น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษในวันที่ 5 พฤศจิกายน ซึ่งเดิมพันด้วยระเบียบโลกที่นานาชาติจับตา แต่ชาวอเมริกันเอือมระอากับผู้นำชราหน้าเดิม
ไบเดนกวาดชัยชนะจากการเลือกตั้งขั้นต้นของพรรคเดโมแครตได้อย่างง่ายดายในศึก Super Tuesday แต่ตอนนี้ต้องจดจ่อกับการเตรียมพร้อมแถลงนโยบายประจำปีต่อรัฐสภาในวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชายวัย 81 ปีที่ไม่เป็นที่นิยมคนนี้ต้องโน้มน้าวให้ประชาชนลดความกังวลเกี่ยวกับอายุของเขา, สภาพเศรษฐกิจ และสถานการณ์สงครามในฉนวนกาซา
แม้โดนัลด์ ทรัมป์จะอื้อฉาวหนักจากคดีฟ้องร้อง 2 กระทง และถูกตั้งข้อหาอาญา 91 กระทงในการพิจารณาคดี 4 คดี จนทำให้เขามีประวัติไม่เหมือนกับผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดในประวัติศาสตร์ แต่การยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองต่อชนชั้นแรงงาน, ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในชนบท และประชาชนคนขาวในประเด็นต่างๆ เช่น ปัญหาชายแดนและเศรษฐกิจ ได้ผลักดันให้เขาได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับลิกัน
ศึก Super Tuesday ซึ่งเป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการแข่งขันในปี 2024 ได้บทสรุปผู้เข้าชิงชัยรอบสุดท้ายจากทั้งสองพรรคแล้ว และ 8 เดือนต่อจากนี้จะได้เห็นการหาเสียงอย่างดุเดือดของคู่แค้นเดิมจากการเลือกตั้งครั้งก่อน
ผลสำรวจความนิยมล่าสุด ทรัมป์มีคะแนนนำไบเดนอยู่เล็กน้อย ดังนั้นไบเดนจึงหวังใช้การปราศรัยต่อรัฐสภาวาดภาพการเลือกตั้งด้วยทางเลือกที่ชัดเจนระหว่างตัวเขากับภัยคุกคามต่อประเทศอย่างทรัมป์
แม้ไบเดนจะเสียความนิยมไปเยอะจากความชราภาพและการสนับสนุนอิสราเอลในสงครามฉนวนกาซา แต่ทรัมป์เองก็มีบาดแผลเต็มตัวเช่นกัน ทั้งคดีความ, เรื่องอื้อฉาว และพฤติกรรมสร้างความวุ่นวายในการเลือกตั้งรอบที่แล้ว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.อนุสรณ์ แนะจับตาเลือกตั้งสหรัฐฯ มีผลต่อตลาดการเงินโลก เศรษฐกิจเอเชีย-ไทย
จับตาผลเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาต่อตลาดการเงินโลก เศรษฐกิจเอเชียและไทย การไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งอาจนำมาสู่ความปั่นป่วนต่อตลาดการเงินโลก ไทยร่วมกลุ่ม BRICS ลดพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ ถ่วงดุลชาติตะวันตก De-Dollarization ทำทองคำขาขึ้นยาว คาดเงินสกุลเอเชียแข็งค่าขึ้น
กมลา แฮร์ริส ตีตัวออกห่างจากความเห็นเรื่อง 'ขยะ' ของไบเดน
โดนัลด์ ทรัมป์ และอีลอน มัสก์ อ้างว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวดูถูกแฟนคลับของทรัมป์ว่าเป็น “ขยะ” เรื่องนี้ทำเนียบ