คณะผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาเดินทางเยือนกรุงไทเป เข้าพบผู้นำไต้หวัน พร้อมยืนยันว่าความสัมพันธ์และการสนับสนุนจะยังคงแน่นแฟ้นไม่เปลี่ยน
ไมค์ กัลลาเกอร์ จากสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา (ซ้าย) กำลังสนทนากับรองประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวัน ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงไทเป เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ (Photo by Handout / TAIWAN PRESIDENTIAL OFFICE / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 กล่าวว่า คณะผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา 5 คน ที่นำโดยไมค์ กัลลาเกอร์ เดินทางเยือนไต้หวัน และพบปะกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน และไล่ ชิงเต๋อ ว่าที่ประธานาธิบดีคนต่อไปซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม
ประธานคณะกรรมการสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาในจีน กล่าวหลังพบปะผู้นำไต้หวันว่า สภานิติบัญญัติยังคงยืนหยัดสนับสนุนไต้หวันอย่างแข็งแกร่งเสมอ
"ผมรับรู้ได้ถึงแรงสนับสนุนไต้หวันที่เพิ่มมากขึ้นและแข็งแกร่งมากในสภาคองเกรส (ของสหรัฐอเมริกา)" กัลลาเกอร์กล่าวกับผู้สื่อข่าว
สหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของไต้หวัน และเกาะแห่งนี้เป็นศูนย์กลางของความตึงเครียดกับจีนที่เพิ่มแรงกดดันต่อดินแดนที่อ้างว่าเป็นของตน
กัลลาเกอร์เชื่อว่าการสนับสนุนของสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวันจะไม่ได้รับผลกระทบจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้
"ผมมั่นใจมากว่าการสนับสนุนไต้หวันจะดำเนินต่อไป ไม่ว่าใครจะครอบครองทำเนียบขาวก็ตาม" เขากล่าว
นอกจากนี้ เขายังเตือนรัฐบาลปักกิ่งไม่ให้พยายามรุกรานไต้หวันด้วย โดยกล่าวว่าการทำเช่นนั้นคงเป็นเรื่องโง่เขลาอย่างไม่น่าเชื่อ
"ถ้าสี จิ้นผิง และพรรคคอมมิวนิสต์จีนตัดสินใจอย่างโง่เขลาในการพยายามบุกไต้หวัน ความพยายามนั้นก็จะล้มเหลว" กัลลาเกอร์กล่าว
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวินต้อนรับคณะผู้แทนฯ โดยกล่าวว่าการเยือนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงแรงสนับสนุนอย่างแข็งขันของสหรัฐฯ ต่อประชาธิปไตยของไต้หวัน ผ่านการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม
"เราจะพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศของเราต่อไปและมีส่วนร่วมกับโลก ในปีนี้เราหวังจะได้เห็นการแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวันและสหรัฐฯ มากขึ้นในกิจการต่างๆ" ไช่ อิงเหวินกล่าว
ในระหว่างการพบปะกับไล่ ชิงเต๋อ ว่าที่ประธานาธิบดีไต้หวันคนต่อไปกล่าวขอบคุณสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนอย่างดีมาตลอด
"เรากำลังเผชิญกับภูมิทัศน์ทางภูมิศาสตร์การเมืองระดับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงแรงกดดันมหาศาล และการบีบบังคับทางการทูต, การทหาร และเศรษฐกิจ ที่มีอิทธิพลมาจากจีน" ไล่ ชิงเต๋อกล่าว
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนเต็มไปด้วยปัญหามานานหลายปี โดยมีความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นในประเด็นต่างๆ มากมาย รวมถึงการค้า, การกล่าวหาว่าจารกรรม, สิทธิมนุษยชน และนโยบายต่างประเทศ
ความตึงเครียดได้ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัดในปีที่แล้ว ภายหลังการประชุมระดับสูงหลายครั้งระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีน รวมถึงการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
แม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่รับรองไต้หวันอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นพันธมิตรหลักของเกาะแห่งนี้ รวมทั้งเป็นผู้จัดหายุทโธปกรณ์ทางทหาร ซึ่งถือเป็นหนามทิ่มแทงความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและปักกิ่งมาโดยตลอด.
