คนหนุ่มสาวหลายพันคนเข้าแถวหน้าสถานทูตไทยในย่างกุ้งเมื่อวันศุกร์ เพื่อหาทางหนีออกจากเมียนมา หลังจากรัฐบาลเผด็จการประกาศบังคับใช้กฎหมายเรียกเกณฑ์พลเมืองมาเป็นทหาร
ขาวเมียนมารวมตัวกันนอกสถานทูตไทยเพื่อขอวีซ่า ในย่างกุ้ง เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ (Photo by AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐบาลเผด็จการเมียนมาประกาศบังคับใช้กฎหมายที่อนุญาตให้กองทัพสามารถเรียกเกณฑ์พลเมืองชายทุกคนที่มีอายุ 18-35 ปี และพลเมืองหญิงอายุ 18-27 ปี ให้เข้ารับราชการทหารเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปีได้ เพื่อปฎิบัติภารกิจด้านความมั่นคงหลังเผชิญการต่อต้านจากกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์มาตั้งแต่ปี 2564
รัฐบาลทหารเผชิญการสู้รบกับกลุ่มดังกล่าวในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ หลังยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง และเมื่อไม่นานนี้ต้องเผชิญกับความสูญเสียอย่างต่อเนื่องเพราะพ่ายแพ้ในหลายเมือง
ภายใต้กฎหมายดังกล่าวยังได้กำหนดไว้ด้วยว่าในระหว่างสถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถขยายระยะเวลา (บังคับ) รับราชการทหารได้สูงสุด 5 ปี และผู้ที่เพิกเฉยต่อหมายเรียกให้รับราชการอาจถูกจำคุกสูงสุด 5 ปีเช่นกัน
ด้วยสถานการณ์บีบคั้นดังกล่าว ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวเมียนมากำลังหาลู่ทางให้ตนเองหลุดพ้นจากการโดนบังคับภายใต้กฎหมายเรียกเกณฑ์ทหาร
ทั้งนี้ รัฐบาลทหารระบุในแถลงการณ์ว่า ประกาศข้อกำหนดบังคับใช้กฎหมายรับราชการทหารจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป
ล่าสุด บริเวณหน้าสถานทูตไทยในย่างกุ้งเต็มไปด้วยชายหนุ่มและหญิงสาวเมียนมาที่ต้องการขอวีซ่าเข้าประเทศ โดยนักข่าวเอเอฟพีพบเห็นผู้คนราว 1,000-2,000 คนเดินไปตามถนนใกล้กับสถานทูตไทย ก่อนไปจบที่แถวรอคิวขอวีซ่าหน้าสถานทูต
แต่สถานทูตไทยกล่าวว่า สามารถออกคิวขอวีซ่าได้เพียง 400 คิวต่อวันเท่านั้น
แม้รัฐบาลยังไม่ประกาศวิธีการและเงื่อนไขในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม แต่เห็นได้ชัดว่าคนหนุ่มสาวจำนวนมากไม่กระตือรือร้นที่จะรอและค้นหาคำตอบ และปลายทางชั่วคราวหรือถาวรในประเทศไทยถือเป็นความหวังที่เป็นไปได้มากที่สุดในตอนนี้
นักวิเคราะห์ทางการเมืองกล่าวว่า คนหนุ่มสาวในเมียนมากำลังจะสูญเสียความฝัน และกฎหมายนี้ทำร้ายพวกเขาและทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น ประกาศดังกล่าวทำให้อนาคตดูสิ้นหวังในประเทศที่เศรษฐกิจตกต่ำอยู่แล้วเนื่องจากสงครามกลางเมือง และกฎหมายการรับราชการทหารนี้เป็นอีกประเด็นสำคัญที่จะทำลายประเทศ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารเคยกล่าวว่าพวกเขากำลังใช้มาตรการติดอาวุธให้กับกลุ่มประชาชนที่สนับสนุนทหาร เพื่อต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามทั่วประเทศ
ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลเผด็จการทหารกล่าวว่า "ระบบรับราชการทหารระดับชาติเป็นสิ่งจำเป็นและเกี่ยวข้องกับประชาชนทุกคน เนื่องจากเกิดสถานการณ์ด้านความมั่นคงในประเทศของเรา"
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้คนประมาณ 13 ล้านคนเข้าข่ายได้รับการเรียกตัว แม้ว่ากองทัพจะมีความสามารถในการฝึกทหารได้เพียง 50,000 นายต่อปีก็ตาม
นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อสามปีก่อน กลุ่มติดตามผลในพื้นที่ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 4,500 รายและถูกจับกุมมากกว่า 26,000 คน จากการปราบปรามของกองทัพ.