กองทัพอิสราเอลเผยตัวประกัน 2 คนได้รับการช่วยเหลือ หลังบุกเมืองราฟาห์

อิสราเอลประกาศช่วยเหลือตัวประกันได้ 2 คน จากปฎิบัติการบุกเมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มฮามาสระบุว่า ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 100 รายรวมถึงเด็ก ๆ เสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศอย่างหนักชั่วข้ามคืน

ควันฟุ้งกระจายในระหว่างการทิ้งระเบิดของอิสราเอลเหนือเมืองราฟาห์ในฉนวนกาซาตอนใต้ เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ท่ามกลางความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส (Photo by SAID KHATIB / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 กล่าวว่า อิสราเอลเปิดปฎิบัติการโจมตีทางอากาศใส่เมืองราฟาห์ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาและกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการบุกรุกภาคพื้นดินไปยังเมืองที่เต็มไปด้วยผู้อพยพพลัดถิ่นชาวปาเลสไตน์หลายแสนคนตามแนวชายแดนอียิปต์

สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่ล่มสลายในราฟาห์ได้กระตุ้นให้กลุ่มช่วยเหลือและรัฐบาลต่างประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมาจากหายนะที่อาจเกิดขึ้นจากการขยายปฏิบัติการที่นั่น

กองทัพอิสราเอลประกาศเมื่อเช้าวันจันทร์ว่าตัวประกัน 2 คนได้รับการช่วยเหลือจากปฎิบัติการร่วมระหว่างหน่วยข่าวกรองชินเบตและหน่วยตำรวจในเมืองราฟาห์

ในแถลงการณ์ กองทัพระบุว่า ทั้งสองคนคือเฟอร์นันโด ไซมอน มาร์มัน และหลุยส์ ฮาร์ ซึ่งถูกลักพาตัวโดยกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมจากชุมชนคิบบุตซ์ และทั้งคู่มีสุขภาพในระดับที่ดี แม้ถูกคุมขังมานานเกือบ 130 วัน

ดาเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพฯ กล่าวในการบรรยายสรุปว่า กองทัพและชินเบตทำงานในปฏิบัติการนี้มาเป็นเวลานานแล้ว จนกระทั่งเงื่อนไขต่างๆ เหมาะสมจึงได้ดำเนินการ

เขากล่าวเสริมว่า เกิดการสู้รบในขณะนำตัวประกันออกจากอาคารที่เป็นสถานที่ถูกควบคุมตัว โดยกองทัพใช้การโจมตีทางอากาศมุ่งเป้าไปที่อาคารใกล้เคียงซึ่งมีการยิงตอบโต้หลายครั้ง

"ผู้ก่อการร้ายจำนวนมากถูกสังหารเมื่อเย็นวานนี้ระหว่างปฏิบัติการดังกล่าว และนักสู้คนหนึ่งของเราได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย" โฆษกฯกล่าว

กลุ่มฮามาสเคยปล่อยตัวประกันจากฉนวนกาซาหลายสิบคนในระหว่างการหยุดยิงหนึ่งสัปดาห์เมื่อเดือนพฤศจิกายน แลกกับการปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์มากกว่า 200 คนที่ถูกคุมขังในเรือนจำของอิสราเอล

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระบวนการแลกตัวประกันก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลย จนผู้นำอิสราเอลต้องเผชิญกับการประท้วงที่เพิ่มมากขึ้น และแม้กระทั่งการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า โดยญาติของตัวประกันที่รู้สึกหงุดหงิดกับกระบวนการช่วยเหลือที่ล่าช้า ทำให้ยังมีตัวประกันอยู่ในความควบคุมของกลุ่มฮามาสอีกประมาณ 130 คน

ล่าสุด การเจรจาครั้งใหม่เพื่อยุติการสู้รบถูกจัดขึ้นในกรุงไคโรของอียิปต์ โดยกลุ่มฮามาสเรียกร้องให้มีการหยุดยิงครั้งใหม่ รวมถึงการแลกเปลี่ยนระหว่างนักโทษและตัวประกัน

แม้จะมีเสียงเรียกร้องให้ยอมรับข้อตกลงกับกลุ่มฮามาสมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อประกันการปล่อยตัวที่เหลืออยู่ แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูยืนยันว่ามีเพียงแรงกดดันทางทหารเท่านั้นที่จะพากลุ่มตัวประกันกลับบ้านได้

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขากล่าวว่าเขาได้สั่งให้กองทหารเตรียมปฏิบัติการในเมืองราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่แห่งสุดท้ายที่พวกเขายังไม่ได้บุกเข้าไป

ถ้อยแถลงจากกระทรวงสาธารณสุขของกลุ่มฮามาส ระบุในถ้อยแถลงว่า มีผู้เสียชีวิตราว 100 รายจากการโจมตีทางอากาศในเมืองที่แออัดแห่งนี้ ก่อนรุ่งสางของวันจันทร์

นักข่าวของเอเอฟพีได้ยินเสียงการโจมตีอย่างรุนแรงหลายครั้ง และเห็นควันลอยอยู่เหนือเมืองซึ่งปัจจุบันเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรมากกว่าครึ่งหนึ่งของฉนวนกาซา หลังจากที่พวกเขาเหล่านั้นอพยพหนีจากการทิ้งระเบิดที่อื่นมาหลบภัยที่นี่

การโจมตีดังกล่าวทำลายบ้านเรือน 14 หลังและมัสยิด 3 แห่งในส่วนต่างๆ ของราฟาห์ ตามการระบุของกลุ่มฮามาส

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ต่อสายโทรศัพท์หาเนทันยาฮูเมื่อวันอาทิตย์ และบอกเขาว่าไม่ควรดำเนินการใดๆในราฟาห์ หากไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นจะมีความปลอดภัยตามหลักมนุษยธรรม

ปัจจุบัน ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 1.4 ล้านคนได้มาอยู่รวมกันในราฟาห์ โดยหลายคนอาศัยอยู่ในเต็นท์ ขณะที่อาหาร, น้ำ และยารักษาโรคเริ่มขาดแคลนมากขึ้น

เนทันยาฮูบอกกับสถานีโทรทัศน์ ABC News ของสหรัฐฯ ว่าปฏิบัติการในราฟาห์จะดำเนินต่อไปจนกว่ากลุ่มฮามาสจะถูกกำจัด พร้อมเสริมว่าเขาจะจัดเตรียมเส้นทางอพยพที่ปลอดภัยให้กับพลเรือนปาเลสไตน์ที่ต้องการหลบหนีออกจากพื้นที่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.ปณิธาน วิเคราะห์สถานการณ์ตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลตอบโต้กลับอิหร่าน 

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และการต่างประเทศ  โพสต์คลิปสัมภาษณ์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมข้อความว่า  อิสราเอลแถลงว่าการโจมตีอิหร่านสิ้นสุดลงแล้ว (พรุ่งนี้ต้องจับตาดูการเจรจาหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกันรอบใหม่ระหว่างฮามาสและอิสราเอลที่ Doha)