เวียดนามและฟิลิปปินส์เห็นพ้องกันในการส่งเสริมความร่วมมือด้านหน่วยยามฝั่งในทะเลจีนใต้ ท่ามกลางศึกแย่งชิงพื้นที่พิพาทระหว่างรัฐบาลมะนิลากับรัฐบาลปักกิ่ง
ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ (ซ้าย) และประธานาธิบดีโว วาน เทือง ของเวียดนาม เข้าร่วมพิธีต้อนรับที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 30 มกราคม (Photo by Nhac NGUYEN / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 30 มกราคม 2567 กล่าวว่า ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการ ได้ลงนามข้อตกลง 2 ฉบับกับผู้นำรัฐบาลฮานอย โดยมีการเห็นพ้องร่วมกันที่จะจัดตั้งสายด่วนการสื่อสารและคณะกรรมการร่วมหน่วยยามฝั่ง
สำนักงานของผู้นำฟิลิปปินส์ระบุในแถลงการณ์ว่า "บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางทะเลมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ, ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความเชื่อมั่นระหว่างทั้งสองฝ่าย"
ที่ผ่านมา รัฐบาลมะนิลาเผชิญหน้ากับรัฐบาลปักกิ่งในพื้นที่พิพาททางทะเลหลายครั้ง โดยเฉพาะในระยะหลังที่จีนมีความแข็งกร้าวมากขึ้น
ทั้งนี้ จีนอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ทางน้ำเชิงยุทธศาสตร์เกือบทั้งหมด แต่ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และประเทศอื่นๆ ก็อ้างสิทธิ์ในเกาะ, แนวปะการัง และสันดอนต่างๆเช่นกัน
ความตึงเครียดได้ปะทุขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้จากการเผชิญหน้ากันระหว่างเรือของฟิลิปปินส์และจีน บริเวณสันดอนโธมัสที่สอง ซึ่งรัฐบาลปักกิ่งเรียกว่าสันดอนเหรินอ้าย
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา จีนจัดการฝึกซ้อมทางทหารในทะเลจีนใต้ ในขณะที่สหรัฐฯ และฟิลิปปินส์ดำเนินการฝึกซ้อมร่วมของตนเองในน่านน้ำเดียวกัน
ในระหว่างการเยือน 2 วันของมาร์กอส เวียดนามยังได้เห็นพ้องข้อตกลงการค้า 5 ปีในการจัดหาข้าวขาวจำนวน 2 ล้านตันให้กับฟิลิปปินส์ เพื่อรับประกันความมั่นคงทางอาหารท่ามกลางผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, โรคระบาด และเหตุการณ์ภายนอกอื่น ๆ
ข้าวเป็นอาหารหลักขั้นพื้นฐานในฟิลิปปินส์ แต่ประเทศนี้ไม่สามารถผลิตได้เพียงพอสำหรับการบริโภคและเป็นหนึ่งในผู้นำเข้าธัญพืชอันดับต้นๆ ของโลก ขณะที่ข้าวนำเข้าในฟิลิปปินส์เป็นข้าวเวียดนามมากถึง 85% ตามข้อมูลของทางการ
นอกจากนี้ผู้นำฟิลิปปินส์ยังได้จัดการประชุมส่วนตัวกับซีอีโอของ VinFast ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเวียดนาม
ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศรายแรกของเวียดนามกล่าวว่า มีแผนที่จะลงทุนในฟิลิปปินส์ในปี 2567 โดยเริ่มจากการจัดตั้งเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและรถจักรยานยนต์
ฟิลิปปินส์ยังหวังที่จะมีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากประเทศมีปริมาณสำรองโคบอลต์, ทองแดง และนิกเกิลอยู่มากมาย.