คุมไม่อยู่แล้ว ชาวลอนดอน 1 ใน 10 ส่อติดเชื้อโควิด

สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษประเมินว่า ในวันอาทิตย์นี้น่าจะมีชาวกรุงลอนดอนประมาณ 1 ใน 10 ติดไวรัสโควิด-19 หลังจากสายพันธุ์โอมิครอนระบาดหนัก ทำให้อังกฤษมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นสถิติเกือบ 120,000 คนเมื่อวันพฤหัสบดี

ผู้คนออกมาจับจ่ายซื้อของเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส ที่ถนนออกซ์ฟอร์ด ในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2564 (Getty Images)

รายงานรอยเตอร์เมื่อวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม 2564 กล่าวว่า การประเมินจากแบบจำลองรายวันโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ (โอเอ็นเอส) แสดงให้เห็นว่า จะมีชาวลอนดอนประมาณ 9.5% ติดเชื้อโควิด-19 ภายในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ โดยมีช่วงความเชื่อมั่น 95% อยู่ระหว่าง 8.43% ถึง 10.69%

ตัวเลขนี้ประเมินออกมาหนึ่งวันหลังจากอังกฤษตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มากเป็นสถิติสูงสุด ที่ 119,789 รายในวันพฤหัสบดี เพิ่มจาก 106,122 รายของวันก่อนหน้านั้น โดยเป็นผลจากการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน

รายงานของโอเอ็นเอสยังแสดงให้เห็นด้วยว่า ผู้คนในอังกฤษ 1 ใน 35 คนติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างวันที่ 13 ธ.ค. ถึง 19 ธ.ค. เปรียบเทียบกับการประเมินก่อนหน้านี้ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี ที่พบว่า มี 1 ใน 45 คนติดเชื้อในรอบสัปดาห์ถึงวันที่ 16 ธ.ค.

อุตสาหกรรมและเครือข่ายคมนาคมหลายแห่งของอังกฤษกำลังดิ้นรนรับมือกับปัญหาขาดแคลนคนทำงาน เนื่องจากพนักงานที่ป่วยต้องกักตัว ขณะที่โรงพยาบาลในประเทศเตือนถึงความเสี่ยงที่จะผลกระทบต่อความปลอดภัยของคนไข้

การแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของโอมิครอนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในสหราชอาณาจักรพุ่งสูงขึ้นในช่วง 7 วันที่่ผ่านมา โดยข้อมูลของรัฐบาลเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว 678,165 คน

นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ยังคงปฏิเสธจะใช้ข้อกำหนดที่เข้มงวดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ทั้งที่โอมิครอนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นไม่หยุด โดยเขามุ่งเน้นที่การผลักดันโครงการฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นภูมิหรือบูสเตอร์ให้กับประชากรผู้ใหญ่ทุกคนภายในสิ้นปีนี้

เอเอฟพีรายงานว่า สารเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟของเขาเมื่อวันศุกร์ จอห์นสันเรียกร้องให้ชาวสหราชอาณาจักรฉีดวัคซีนเป็นของขวัญแก่ครอบครัวและประเทศเนื่องในวันคริสต์มาส.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หมอธีระ’ ข้องใจตัวเลขโควิด สัปดาห์ก่อนพุ่งอาทิตย์นี้ลดฮวบ ไม่ใช่เรื่องปกติ

สัปดาห์ก่อน ตัวเลขนอนรพ.พุ่งขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านั้นถึง 78% แต่สัปดาห์ล่าสุดนี้ ลดลงฮวบฮาบจากสัปดาห์ก่อนถึง 57.7% ส่วนตัวคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ควรต้อง explore