กษัตริย์เฟรเดอริกที่ 10 แห่งเดนมาร์ก ขึ้นครองราชย์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่หลังจากที่สมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธอ สละราชสมบัติ
สมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริกที่ 10 แห่งเดนมาร์ก และพระราชินีแมรีแห่งเดนมาร์ก ร่วมโบกพระหัตถ์แก่พสกนิกร จากสีหบัญชรของพระราชวังคริสเตียนสบอร์ก ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันที่ 14 มกราคม หลังขึ้นครองราชย์อย่างเป็นทางการ (Photo by Jonathan NACKSTRAND / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 15 มกราคม 2567 กล่าวว่า กษัตริย์เฟรเดอริกที่ 10 แห่งเดนมาร์ก เสด็จขึ้นครองราชย์ในพิธีอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ หลังสมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธอที่ 2 ซึ่งเป็นพระมารดา ทรงประกาศสละราชสมบัติตั้งแต่ช่วงวันปีใหม่ที่ผ่านมา
พิธีดังกล่าวมีการเคลื่อนขบวนรถม้าครั้งสุดท้ายไปตามถนนในกรุงโคเปนเฮเกน เพื่ออำลาสมเด็จพระราชินีผู้โด่งดัง พระชนมายุ 83 พรรษา ที่ได้ลงพระนามในคำประกาศสละราชบัลลังก์ที่พระราชวังคริสเตียนสบอร์ก เป็นการยุติการครองราชย์ 52 ปีและได้สถาปนาพระราชโอรสของพระองค์ขึ้นดำรงตำแหน่งในลำดับต่อไป ก่อนสมเด็จพระราชินีทรงตรัสทิ้งท้ายว่า "ขอพระเจ้าอวยพรแด่กษัตริย์พระองค์ใหม่"
จากนั้นสมเด็จพระราชินีทรงก้าวลงจากตำแหน่งประมุขแห่งรัฐอย่างเป็นทางการ โดยมีคณะรัฐบาลเดนมาร์ก, มกุฎราชกุมารเฟรเดอริก, เจ้าหญิงแมรีแห่งเดนมาร์ก และพระโอรสองค์โตวัย 18 ชันษาซึ่งจะกลายเป็นมกุฎราชกุมารคริสเตียน เข้าร่วมในพิธีทางการ
นายกรัฐมนตรีเมตเต เฟรเดอริกเซน ได้ประกาศต่อหน้าพสกนิกรชาวเดนมาร์กกว่า 100,000 คนที่ฝ่าอากาศหนาวในฤดูหนาวมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วยความจงรักภักดี ให้มกุฎราชกุมารเฟรเดอริก พระชนมายุ 55 พรรษา เป็นกษัตริย์องค์ใหม่ ณ สีหบัญชรของพระราชวังคริสเตียนสบอร์กซึ่งเป็นทั้งที่ตั้งของรัฐสภาและรัฐบาล
กษัตริย์เฟรเดอริกที่ 10 แห่งเดนมาร์ก ทรงโบกพระหัตถ์ให้พสกนิกรที่สนับสนุนพระองค์เช่นเดียวกับพระมารดา และตรัสว่า "พระมารดาของข้าพเจ้าทรงประสบความสำเร็จเหมือนกับคนอื่นๆ ในการเป็นหนึ่งเดียวกับประเทศของพระองค์"
"ความหวังของข้าพเจ้าคือการเป็นกษัตริย์ที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับอนาคตของประเทศ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบที่ข้าพเจ้าจักยอมรับด้วยความเคารพ, ความภาคภูมิใจ และความปิติอันเปี่ยมล้น" กษัตริย์ทรงตรัสพร้อมวางพระหัตถ์บนพระหทัยหลายครั้งท่ามกลางเสียงแซ่ซ้องจากพสกนิกร
จากนั้น กษัตริย์เฟรเดอริกที่ 10 ทรงโบกพระหัตถ์ให้พสกนิกร ณ สีหบัญชร ร่วมกับราชินีแมรีแห่งเดนมาร์ก, พระโอรสและพระธิดาอีก 4 พระองค์
ตามประเพณีของเดนมาร์ก จะไม่มีการเชิญบุคคลสำคัญหรือราชวงศ์จากต่างประเทศมาร่วมเป็นสักขีพยานกิติมศักดิ์ รวมทั้งไม่มีพิธีราชาภิเษกหรือเถลิงบัลลังก์ใดๆ
ในวโรกาสสำคัญนี้ กษัตริย์ชาร์ลส์แห่งอังกฤษทรงร่วมแสดงความยินดีกับกษัตริย์และราชินีพระองค์ใหม่ผ่านทางช่องทางสื่อสารของทางการเดนมาร์ก เช่นเดียวกับกษัตริย์คาร์ลที่ 16 แห่งสวีเดน
นี่เป็นเพียงครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของประเทศ ที่กษัตริย์เดนมาร์กทรงสละราชสมบัติ โดยครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ 900 ปีก่อน
สมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธอที่ 2 ทรงเลือกที่จะสละราชบัลลังก์ในรัชสมัยที่ 52 ผ่านการตรัสปราศรัยส่งท้ายปีเก่าประจำปีทางโทรทัศน์ โดยทรงให้เหตุผลจากปัญหาสุขภาพหลังเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ที่พระขนองเมื่อปีที่แล้ว
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การตัดสินพระทัยของสมเด็จพระราชินีที่จะส่งมอบบัลลังก์ให้พระโอรสในตอนนี้นั้นเพื่อให้กษัตริย์พระองค์ใหม่มีรัชสมัยมากขึ้นในการนำพาประเทศก้าวสู่ยุคใหม่
ในเดนมาร์ก บทบาทของพระมหากษัตริย์เป็นเพียงการดำเนินพิธีการเป็นส่วนใหญ่ เช่น การลงพระนามในกฎหมาย, การเป็นประธานอย่างเป็นทางการในการจัดตั้งรัฐบาล และการพบปะกับคณะรัฐมนตรีตามกำหนดการ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เทพมนตรี' เปิดข้อสงสัยพระราชหัตถเลขา ร.7 สละราชสมบัติ
นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์และนักเทววิทยา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpa
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ 'การเปลี่ยนราชบัลลังก์' ของเดนมาร์ก
สมเด็จพระราชินีมาร์เกรเธ สละราชสมบัติเมื่อวันอาทิตย์ พระองค์ทรงประกาศเรื่องนี้อย่างน่าประหลาดใจในวันส่งท้ายปีเก่า และมกุฎรา
'สมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3' เสด็จขึ้นครองราชย์
หลังสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 63 ของสหราชอาณาจักร เสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสที่ 8 กันยายนปี 2022 พระชนมายุ 96 พรรษ
นายกฯหญิงเดนมาร์กขอโทษ เผลอช็อปปิ้งไม่สวมแมสก์
เมตเต เฟรเดอริกเซน นายกฯ หญิงของเดนมาร์กต้องกล่าวขอโทษ หลังจากมีประชาชนถ่ายคลิปแฉว่าเธอกำลังช็อปปิ้งโดยไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ทั้งที่รัฐบาลเพิ่งกลับมาบังคับใช้กฎนี้