สหรัฐฯผนึกกำลังอังกฤษ โจมตีทางอากาศอย่างหนักใส่เป้าหมายต่างๆ ในเยเมนช่วงเช้าวันศุกร์ หลังจากกลุ่มกบฏฮูตีโจมตีก่อกวนการขนส่งทางทะเลแดงหลายสัปดาห์โดยอ้างความเป็นหนึ่งเดียวกับการต่อสู้ของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา
สถานีโทรทัศน์ Al-Masirah เผยแพร่ภาพไฟและควันพลุ่งพล่านในเยเมน หลังการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ และอังกฤษ เมื่อวันที่ 12 มกราคม (Photo by AL-MASIRAH TV / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 12 มกราคม 2567 กล่าวว่า หลายสัปดาห์แล้วที่กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้ดำเนินการมุ่งเป้าโจมตีในเส้นทางเดินเรือในทะเลแดงเพื่อแสดงออกถึงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา และกองทัพสหรัฐเคยป้องกันการโจมตีเหล่านั้นได้หลายครั้ง
กลุ่มกบฏฮูตีได้ทำการโจมตีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นการขนส่งทางเรือที่เชื่อมโยงกับอิสราเอลในเส้นทางการค้าระหว่างประเทศ นับตั้งแต่การปะทุของสงครามฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว
ทั้งนี้ กลุ่มกบฏฮูตีได้ควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศเยเมนนับตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองในปี 2556 และได้รับการหนุนหลังจากอิหร่านในฐานะแนวต่อต้านเพื่อปะทะกับอิสราเอล
จนล่าสุดในช่วงเช้าวันศุกร์ กองทัพสหรัฐฯได้ผนึกกำลังกับกองทัพอังกฤษทำการโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มดังกล่าวในเยเมนเป็นการตอบโต้ โดยมุ่งเป้าไปที่ฐานทัพอากาศ, สนามบิน และค่ายทหาร
ขณะที่สื่อของฮูตีรายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า ประเทศถูกโจมตีรุนแรงครั้งใหญ่โดยเรือรบ, เรือดำน้ำ และเครื่องบินรบของอเมริกาและอังกฤษ มีรายงานผู้เสียชีวิต 5 รายและบาดเจ็บ 6 คน และทางกลุ่มจะทำการตอบโต้เอาคืนอย่างสาสมจากการรุกรานอย่างโจ่งแจ้งนี้
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เรียกการโจมตีครั้งนี้ว่า "ปฏิบัติการเชิงรับ" หลังถูกการโจมตีคุกคามหลายครั้งในทะเลแดง และกล่าวว่าเขาไม่ลังเลที่จะออกคำสั่งปฏิบัติการทางทหารเพิ่มเติมหากจำเป็น
“วันนี้ ด้วยคำแนะนำของผม กองกำลังทหารสหรัฐฯ ร่วมกับสหราชอาณาจักรและการสนับสนุนจากออสเตรเลีย, บาห์เรน, แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ ได้ประสบความสำเร็จในการโจมตีเป้าหมายจำนวนหนึ่งในเยเมนซึ่งกลุ่มกบฏฮูตีใช้เพื่อก่อความไม่สงบในเส้นทางน้ำที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยการโจมตีเหล่านั้นเป็นอันตรายต่อบุคลากรสหรัฐฯ, พลเรือนกะลาสีเรือ และพันธมิตรของเรา อีกทั้งยังเป็นอันตรายต่อการค้า และคุกคามเสรีภาพในการเดินเรือ” ไบเดนกล่าวในแถลงการณ์
กองบัญชาการกลางกองทัพอากาศสหรัฐฯระบุว่า การโจมตีดังกล่าวมีการใช้เครื่องบินรบและขีปนาวุธโทมาฮอว์กนำวิถีที่แม่นยำมากกว่า 100 ลูก ทำลายเป้าหมาย 60 จุดในที่ตั้งของกลุ่มกบฏฮูตี 16 แห่ง
ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า การโจมตีดังกล่าวได้กำหนดเป้าหมายไปยังสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับยานพาหนะทางอากาศไร้คนขับ, ขีปนาวุธ รวมถึงเรดาร์ชายฝั่งและความสามารถในการตรวจตราทางอากาศ
ขณะที่นายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค ของอังกฤษ กล่าวโทษกลุ่มกบฏฮูตีที่เพิกเฉยต่อคำเตือนซ้ำๆ จนจำเป็นต้องมีการใช้กำลังตอบโต้
แถลงการณ์ร่วมของสหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย, บาห์เรน, แคนาดา, เดนมาร์ก, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ ระบุว่า การโจมตีกลุ่มกบฏฮูตีเป็นไปเพื่อลดความตึงเครียดและฟื้นฟูเสถียรภาพในทะเลแดง รวมทั้งปกป้องชีวิตและการไหลเวียนของการค้าอย่างเสรีในน่านน้ำที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก หลังเผชิญกับภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง
แต่กลุ่มกบฏฮูตีออกมาโต้ว่า การโจมตีทางอากาศดังกล่าวไม่สมเหตุสมผล และเตือนว่าการโจมตีเรือขนส่งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลจะดำเนินต่อไป
“เราขอยืนยันว่าไม่มีเหตุผลใด ๆ สำหรับการรุกรานเยเมนในครั้งนี้ เนื่องจากไม่มีภัยคุกคามต่อการเดินเรือระหว่างประเทศในทะเลแดงและทะเลอาหรับ และการกำหนดเป้าหมายดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเรือของอิสราเอลหรือผู้ที่มุ่งหน้าไปยังท่าเรือปาเลสไตน์เท่านั้น" โมฮัมเหม็ด อับดุลซาลาม โฆษกของกลุ่มกบฏฮูตี กล่าวในแถลงการณ์
ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเยเมน ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่ายควบคุมตนเองและหลีกเลี่ยงการทำให้สถานการณ์บานปลาย
การโจมตีของชาติตะวันตกในตะวันออกกลางอาจเสี่ยงที่จะเปลี่ยนสถานการณ์ที่ตึงเครียดอยู่แล้วในภูมิภาคนี้ให้กลายเป็นการลุกลามในวงกว้าง ซึ่งอาจส่งผลให้เป็นความขัดแย้งของสหรัฐฯกับอิสราเอลที่ต้องต่อสู้กับอิหร่านและตัวแทนในภูมิภาค
กลุ่มกบฏฮูตีอ้างมาตลอดว่า พวกเขากำลังแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับชาวปาเลสไตน์เพื่อตอบโต้การทิ้งระเบิดฉนวนกาซาของอิสราเอล ด้านอิสราเอลเองก็เผชิญกับการโจมตีข้ามพรมแดนตามแนวชายแดนทางตอนเหนือจากกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านทั้งในซีเรียและเลบานอน โดยเฉพาะกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ที่สนับสนุนกลุ่มฮามาส และกองทัพอิสราเองได้ตอบโต้ด้วยการโจมตีกลับไปยังสองประเทศดังกล่าว
ขณะที่กองกำลังสหรัฐฯ และพันธมิตรในอิรักและซีเรียก็เผชิญกับการโจมตีที่เพิ่มขึ้นนับตั้งแต่สงครามเริ่มปะทุในฉนวนกาซา และมีการตอบโต้กลับไปเช่นกัน
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ และพันธมิตรได้ออกคำเตือนที่เข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อกลุ่มกบฏฮูตีให้หยุดการโจมตีทางเรือ และรัฐบาลวอชิงตันเองพยายามหลีกเลี่ยงความตึงเครียดในภูมิภาคไม่ให้ลุกลาม
เมื่อเดือนธันวาคม รัฐบาลวอชิงตันประกาศโครงการริเริ่มด้านความมั่นคงทางทะเลชุดใหม่ที่มีชื่อว่า "ปฏิบัติการพรอสเพอริตี้การ์เดียน" ภายใต้กลุ่มพันธมิตรกองกำลังผสมทางทะเลที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการโจมตีจากกลุ่มกบฏดังกล่าว
12 ประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ เตือนกลุ่มกบฏฮูตีเมื่อวันที่ 3 มกราคม ถึงผลที่อาจตามมา และขอให้พวกเขาหยุดการโจมตีเรือพาณิชย์ทันที
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอังคาร กลุ่มกบฏฮูตีได้เปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ในเส้นทางเดินเรือ และกองกำลังสหรัฐฯ และอังกฤษได้ยิงตอบโต้ทำลายโดรน 18 ลำและขีปนาวุธ 3 ลูก
ฟางเส้นสุดท้ายสำหรับพันธมิตรตะวันตกดูเหมือนจะมาถึงในช่วงเช้าวันพฤหัสบดี เมื่อกองทัพสหรัฐฯ กล่าวว่ากลุ่มกบฏฮูตีได้ยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือเข้าไปในช่องทางเดินเรือในอ่าวเอเดน นับเป็นการโจมตีการขนส่งระหว่างประเทศในทะเลแดงครั้งที่ 27 แล้วนับตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน ตามรายงานของกองทัพสหรัฐฯ
การโจมตีที่ทวีความรุนแรงขึ้นส่งผลให้บริษัทเดินเรือเปลี่ยนเส้นทางไปยังแหลมกู๊ดโฮปในแอฟริกาใต้ ก่อให้เกิดความกลัวว่าเศรษฐกิจโลกจะสั่นสะเทือน
ในตอนแรก สหรัฐฯ ใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่แล้วในการตอบโต้ทางทหาร เนื่องจากพยายามรักษาสันติภาพที่เปราะบางในเยเมนที่ถูกสงครามกลางเมืองกัดกินมานานร่วมทศวรรษ จนนำไปสู่วิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของโลก ในประเทศที่ยากจนที่สุดในคาบสมุทรอาหรับแห่งนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฝนและความหนาวเย็นทำให้สถานการณ์ของผู้พลัดถิ่นและตัวประกันในฉนวนกาซารุนแรงขึ้น
ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ในฉนวนกาซาต้องพลัดถิ่นตั้งแต่เริ่มสงคราม ขณะนี้พวกเขากำลังเผชิญกับภาว