รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐเยือนดินแดนพิพาทสงคราม เรียกร้องอิสราเอลปกป้องพลเมืองกาซา และหารือผู้นำปาเลสไตน์
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ (ซ้าย) พบกับประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาส ของปาเลสไตน์ ในเขตเวสต์แบงก์ ระหว่างการเยือนตะวันออกกลางเพื่อบรรเทาความตึงเครียดทั่วภูมิภาค เมื่อวันที่ 10 มกราคม (Photo by EVELYN HOCKSTEIN / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 10 มกราคม 2567 กล่าวว่า กองทัพอิสราเอลยังคงทิ้งระเบิดฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องหลังเข้าสู่เดือนที่ 4 ของสงครามกับกลุ่มฮามาส และคร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 23,000 ราย
ล่าสุด แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เดินทางมายังดินแดนพิพาทอีกครั้งเพื่อร่วมพูดคุยหาทางออกระหว่างทุกฝ่าย
เขาได้เข้าพบและหารือกับประธานาธิบดีมาห์มุด อับบาส ของปาเลสไตน์ ในประเด็นเกี่ยวกับ "การผลักดันให้หยุดยิงทันที" รวมทั้งเจรจากับกษัตริย์อับดุลลอฮ์ที่ 2 แห่งจอร์แดน และประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ของอียิปต์ ในเมืองอควาบา ซึ่งเป็นเมืองท่าในทะเลแดง
แม้มีความกังวลทั่วโลกจากวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่ทวีความรุนแรงขึ้นในฉนวนกาซา แต่สหรัฐฯก็ยังแสดงการสนับสนุนทางการเมืองและการทหารต่ออิสราเอลในฐานะพันธมิตรชั้นนำระดับภูมิภาค
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯได้เรียกร้องอย่างเป็นทางการให้อิสราเอลดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อลดจำนวนการเสียชีวิตของพลเรือนที่เพิ่มขึ้นมากในระยะหลัง ไม่ใช่แค่ทางการสู้รบ แต่รวมถึงการยกเลิกการปิดล้อม ตามที่แอนโทนี บลิงเคน กล่าวเมื่อวันอังคารในการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ที่ระบุว่าการขาดแคลนความช่วยเหลืออย่างหนักจากการถูกปิดล้อมโดยอิสราเอล ทำให้ตัวเลขการเสียชีวิตรายวันของพลเรือนในฉนวนกาซา โดยเฉพาะเด็กๆ นั้น มีจำนวนสูงเกินไป
ท่ามกลางการดำเนินการทางการทูต อิสราเอลยังคงโจมตีในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง โดยกองทัพอิสราเอลกล่าวว่าได้สังหารผู้ก่อการร้ายไปหลายสิบคนและโจมตีเป้าหมายอีก 150 เป้าหมายในพื้นที่อัล-มากาซีทางตอนกลาง และพื้นที่ทางตอนใต้ของข่าน ยูนิส
ทหารอิสราเอลได้พบอุโมงค์ 15 แห่ง เช่นเดียวกับเครื่องยิงจรวด, ขีปนาวุธ, โดรน และวัตถุระเบิดในอัล-มากาซี และทำลายเครื่องจักรสำหรับผลิตจรวดที่ถูกนำมาใช้ต่อต้านอิสราเอล
กระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซาระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 70 รายและบาดเจ็บ 130 คนจากการโจมตีข้ามคืนในดินแดนที่มีประชากร 2.4 ล้านคน ซึ่งองค์การสหประชาชาติระบุว่า คนส่วนใหญ่ต้องพลัดถิ่นและเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บและความหิวโหย
บลิงเคนอยู่ระหว่างการทัวร์ตะวันออกกลางเป็นครั้งที่ 4 แล้วนับตั้งแต่สงครามเริ่มปะทุ โดยก่อนหน้านี้แวะที่ตุรเคีย, ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
รัฐบาลวอชิงตันได้หยิบยกสถานการณ์หลังสงครามที่ปาเลสไตน์อาจได้ปกครองฉนวนกาซา เช่นเดียวกับเมืองต่างๆ ในเขตเวสต์แบงก์ซึ่งอิสราเอลยึดครองมาตั้งแต่ปี 2510
แนวคิดของสหรัฐฯ คือ ต้องการให้อิสราเอลแสดงบทบาทในฐานะหุ้นส่วนกับผู้นำปาเลสไตน์ที่เต็มใจนำประชาชนของตนมาอยู่เคียงข้างกันอย่างสันติเฉกเช่นเพื่อนบ้าน แต่ทางการปาเลสไตน์ต้องมีความรับผิดชอบในการปฏิรูปตัวเองเสียก่อน เพื่อปรับปรุงวิธีการปกครองของตน
ทว่า เบนจามิน เนทันยาฮู ซึ่งเป็นผู้นำที่ถูกมองว่าเป็นรัฐบาลฝ่ายขวาที่สุดในประวัติศาสตร์อิสราเอล ไม่ได้แสดงความสนใจที่จะรื้อฟื้นการเจรจาต่อรัฐปาเลสไตน์
แผนการหลังสงครามที่ร่างโดยโยอาฟ กัลลันต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล คือ การจัดตั้งคณะกรรมการพลเรือนในท้องถิ่นเพื่อบริหารการปกครองฉนวนกาซา หลังจากที่อิสราเอลได้โค่นล้มกลุ่มฮามาสแล้ว
กลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มอิสลามิสต์ ได้เข้าควบคุมฉนวนกาซาแต่เพียงผู้เดียวในปี 2550 โดยโค่นพรรคฟาตาห์ของอับบาสซึ่งเคยดำรงอำนาจร่วมกัน
ปัจจุบัน สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปขึ้นบัญชีดำกลุ่มฮามาสว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย.