ตำรวจเร่งควบคุม เหตุจลาจลในเมืองหลวงปาปัวนิวกีนี

ข้อพิพาทรุนแรงเรื่องค่าจ้างที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังความมั่นคงของปาปัวนิวกีนี ทำให้เกิดการประท้วงอย่างโกรธเกรี้ยวในเมืองหลวง ซึ่งฝูงชนได้จุดไฟเผารถตำรวจด้านนอกทำเนียบนายกรัฐมนตรี

ผู้คนพากันวิ่งหนีออกจากร้านค้าพร้อมกับสินค้าที่ได้ปล้นมา ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในกรุงพอร์ตมอร์สบี ประเทศปาปัวนิวกีนี เมื่อวันที่ 10 มกราคม (Photo by Andrew KUTAN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 10 มกราคม 2567 กล่าวว่า เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงพอร์ตมอร์สบี เมืองหลวงของประเทศปาปัวนิวกีนี หลังจากประชาชนออกมาเดินประท้วงแสดงความโกรธเกรี้ยวต่อรัฐบาล จนบานปลายเป็นการจลาจลที่ฝูงชนได้จุดไฟเผารถตำรวจด้านนอกสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงการปล้นสะดมร้านค้า

ทั้งนี้ ข้อพิพาทรุนแรงเรื่องค่าจ้างที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังความมั่นคงของปาปัวนิวกีนี เป็นต้นเหตุของความไม่สงบดังกล่าว

ทหาร, เจ้าหน้าที่ความมั่นคง และเจ้าหน้าที่เรือนจำ รวมตัวประท้วงอย่างจริงจังด้วยความสงบเมื่อเช้าวันพุธ หลังจากพบว่ารัฐบาลจ่ายค่าจ้างของพวกเขาลดลงจากปกติโดยไม่มีคำอธิบาย

แต่เมื่อถึงบ่ายวันพุธ เหตุการณ์ความไม่สงบได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวง โดยคลิปวิดีโอบนโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นฝูงชนที่ปล้นสะดมร้านค้า และยื้อแย่งอาวุธของตำรวจที่เข้าระงับเหตุเพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย

เดวิด แมนนิ่ง ผู้บัญชาการตำรวจกล่าวว่า "น่าเสียดายที่เหตุการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น แต่เรากำลังทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อควบคุมสถานการณ์ในเมือง"

ฝูงชนพยายามบุกเข้าไปในทำเนียบนายกรัฐมนตรี จากนั้นพยายามจุดไฟเผาป้อมรักษาความปลอดภัยแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ก่อนที่จะจุดไฟเผารถเอสยูวีตำรวจสีขาวที่จอดอยู่นอกบริเวณดังกล่าวแทน

ในกลุ่มผู้ประท้วงมีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของรัฐอยู่ด้วย ซึ่งเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นเป็นหน้าที่หลักของพวกเขา แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าหลังจากนี้พวกเขาต้องรับผิดชอบและถูกลงโทษจากการผละหน้าที่ด้วยหรือไม่ โดยผู้สื่อข่าวเอเอฟพีซึ่งมีฐานอยู่ในพอร์ตมอร์สบีรายงานว่า มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและพลเรือนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความวุ่นวายดังกล่าว

แม้รัฐบาลจะออกมากล่าวว่า การจ่ายเงินค่าจ้างไม่ครบนั้นเป็นผลมาจากความผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ และสัญญาว่าจะแก้ไขโดยทันที แต่สถานการณ์ได้บานปลายไปไกลเกินกว่าประเด็นค่าจ้างแล้ว ทำให้ตำรวจอาจจำเป็นต้องใช้กำลังในการสลายฝูงชน.