รัฐสภาเกาหลีใต้ผ่านร่างกฎหมายห้ามเพาะพันธุ์, ฆ่า และค้าเนื้อสุนัข ซึ่งเคยเป็นแนวทางปฏิบัติแบบดั้งเดิมที่นักเคลื่อนไหวกล่าวว่าสร้างความอับอายให้กับประเทศ
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์ถือป้ายระหว่างการชุมนุมและรอผลพิจารณาการลงมติร่างกฎหมายห้ามการค้าเนื้อสุนัข ที่รัฐสภาในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 9 มกราคม (Photo by JUNG YEON-JE / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 9 มกราคม 2567 กล่าวว่า นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์ได้เฮ หลังรัฐสภาเกาหลีใต้ลงมติผ่านร่างกฎหมายห้ามเพาะพันธุ์, ฆ่า และค้าเนื้อสุนัข ซึ่งจะเป็นการสิ้นสุดแนวปฏิบัติดั้งเดิมของประเทศนี้
เนื้อสุนัขเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเกาหลีใต้มายาวนาน และเคยมียุคหนึ่งที่สุนัขมากถึง 1 ล้านตัวถูกฆ่าเพื่อการค้าในทุกปีตามการระบุของนักเคลื่อนไหว แต่การบริโภคได้ลดลงอย่างรวดเร็วในระยะหลัง เนื่องจากชาวเกาหลีใต้ปรับวิถีชีวิตด้วยการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นจำนวนมาก
การกินเนื้อสุนัขถือเป็นข้อห้ามในหมู่ชาวเกาหลีใต้รุ่นใหม่ในเขตเมืองใหญ่ และการมีนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์เพิ่มมากขึ้นได้กลายเป็นแรงกดดันต่อรัฐบาลในการออกกฎหมายห้ามการปฏิบัติแบบดั้งเดิมที่สร้างความอับอายให้กับประเทศ
ความเคลื่อนไหวด้านกฎหมายดังกล่าวมีความก้าวหน้าอย่างมากภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอล ผู้รักสัตว์และเลี้ยงทั้งสุนัขและแมวจรจัดหลายตัวร่วมกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง คิม กอนฮี ซึ่งเป็นตัวแม่ในการวิพากษ์วิจารณ์การบริโภคเนื้อสุนัข
ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งเสนอโดยทั้งพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ผ่านการลงมติโดยไม่มีเสียงคัดค้านด้วยคะแนนเสียง 208 ต่อ 0 และจะมีผลบังคับใช้หลังการอนุมัติขั้นสุดท้ายโดยประธานาธิบดี ซึ่งจะมีระยะเวลาผ่อนผันให้ประชาชนได้ปรับตัว 3 ปีหลังประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
บทบัญญัติการลงโทษของกฎหมายห้ามเพาะพันธุ์, ฆ่า และค้าเนื้อสุนัข จะมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ 30 ล้านวอน (ประมาณ 795,000 บาท)
แท ยองโฮ สมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคพลังประชาชนซึ่งเป็นพรรครัฐบาลที่เสนอร่างกฎหมายดังกล่าว กล่าวหลังร่างกฎหมายผ่านการลงมติว่า “ต่อแต่นี้ไปคงไม่มีใครเรียกเราว่าเป็นประเทศกินสุนัขอีกแล้ว เพราะทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านจะร่วมเป็นผู้นำในการปกป้องสิทธิสัตว์”
นักเคลื่อนไหวและสมาชิกสภานิติบัญญัติบางคนรวมตัวกันนอกรัฐสภาเพื่อเฉลิมฉลองการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว โดยผู้คนต่างเชียร์และโบกโปสเตอร์ที่ระบุว่า "ลาก่อนการบริโภคเนื้อสุนัข" และ "เกาหลีกำลังจะปลอดจากเนื้อสุนัข"
นักเคลื่อนไหวยังยินดีกับร่างกฎหมายนี้ โดยระบุว่ามันเป็นประวัติศาสตร์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
“เรามาถึงจุดเปลี่ยนที่ชาวเกาหลีส่วนใหญ่ปฏิเสธการกินสุนัข และไม่อยากเห็นความทุกข์ทรมานนี้ถูกส่งต่อไปยังหนังสือประวัติศาสตร์” แช จองอา กรรมการบริหารขององค์กร Humane Society International/Korea กล่าวในแถลงการณ์
“วันนี้ผู้กำหนดนโยบายของเราได้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง แม้ว่าฉันจะเสียใจกับสุนัขหลายล้านตัวที่การเปลี่ยนแปลงนี้มาช้าเกินไป แต่ฉันดีใจมากที่เกาหลีใต้สามารถจบสิ้นเรื่องราวอันน่าสังเวชนี้ในประวัติศาสตร์ของเราและยอมรับอนาคตที่เป็นมิตรต่อสุนัข” แช จองอากล่าว
ในการสำรวจที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์โดยสถาบันวิจัย Animal Welfare Awareness, Research and Education ในกรุงโซล พบว่าชาวเกาหลีใต้ 9 จาก 10 คนระบุว่า พวกเขาจะไม่กินเนื้อสุนัขแน่นอน
กลุ่มนักเคลื่อนไหว Animal Liberation Wave กล่าวว่า การลงมติล่าสุดนี้จะเป็นการนำร่องให้กับหลายประเทศทั่วโลก และจะปูทางไปสู่การปกป้องสิทธิของสัตว์ประเภทอื่นๆ ที่ถูกแสวงหาผลประโยชน์ทางอุตสาหกรรม เช่น วัว, หมู และไก่
ความพยายามก่อนหน้านี้ในการห้ามกินเนื้อสุนัข ต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากเกษตรกรที่เลี้ยงสุนัขเพื่อการบริโภค และกฎหมายใหม่ได้กำหนดให้มีมาตรการชดเชยเพื่อให้ธุรกิจต่างๆ สามารถปรับเปลี่ยนกิจการไปทำอย่างอื่น
มีฟาร์มสุนัขราว 1,100 แห่งเลี้ยงสุนัขหลายแสนตัวในแต่ละปี โดยจะมีการส่งเนื้อสุนัขเหล่านี้ไปเสิร์ฟในร้านอาหารทั่วประเทศ ตามข้อมูลของรัฐบาลฯ
โดยปกติแล้ว เนื้อสุนัขเป็นอาหารอันโอชะที่มักรับประทานกันในช่วงฤดูร้อนของเกาหลีใต้ โดยเชื่อกันว่าจะเพิ่มพลังงานและช่วยระบายความร้อนในร่างกาย
ทั้งนี้ กฎหมายคุ้มครองสัตว์ในปัจจุบันมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันการฆ่าสุนัขและแมวอย่างโหดร้ายเท่านั้น โดยไม่ได้มีการห้ามบริโภคแต่อย่างใด แต่ร่างกฎหมายฉบับล่าสุดนี้จะเป็นการหยุดวงจรทั้งหมด.