นายกรัฐมนตรีหญิงของบังกลาเทศ ชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 5 โดยปราศจากการมีส่วนร่วมของฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านเดิมที่ถูกตราหน้าว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย
นายกรัฐมนตรีชีค ฮาซีนา ของบังกลาเทศ ถ่ายภาพด้วยการชู 2 นิ้ว หลังเสร็จสิ้นการลงคะแนนเสียงที่หน่วยเลือกตั้งในกรุงธากา เมื่อวันที่ 7 มกราคม (Photo by AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 8 มกราคม 2567 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีชีค ฮาซีนา ของบังกลาเทศ คว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์อย่างแน่นอนแล้ว หลังพรรคสันนิบาตอวามีของเธอได้รับที่นั่งมากกว่า 50% จากการนับคะแนนโดยคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง
ฮาซีนามีบทบาทสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างโดดเด่นของบังกลาเทศที่เคยรุมเร้าด้วยความยากจน แต่รัฐบาลของเธอก็ถูกกล่าวหาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง และมุ่งปราบปรามฝ่ายค้านอย่างเลือดเย็น
พรรคของฮาซีนาแทบไม่ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่สูสีในการแย่งชิงที่นั่งในสภา แต่ก็ยังพยายามหลบเลี่ยงการถูกตราหน้าว่าเป็นรัฐบาลพรรคเดียวด้วยการโน้มน้าวพรรคเล็กๆให้ร่วมลงแข่งขัน
ขณะที่พรรคชาตินิยมบังกลาเทศ (BNP) ซึ่งเป็นฝ่ายค้านที่ถูกปราบปรามและจับกุมจำนวนมาก ได้คว่ำบาตรการเลือกตั้งครั้งนี้ พร้อมเรียกร้องให้มีการชุมนุมประท้วงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศในช่วงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้ง
ฮาซีนาวัย 76 ปี เรียกร้องให้ประชาชนแสดงศรัทธาต่อกระบวนการประชาธิปไตย แต่เจ้าหน้าที่การเลือกตั้งรายงานเบื้องต้นระบุว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เพียง 40% จากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั่วประเทศ
"พรรคชาตินิยมบังกลาเทศเป็นองค์กรก่อการร้าย" ฮาซีนากล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียง และเสริมว่า "ดิฉันกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่าประชาธิปไตยจะดำเนินต่อไปในประเทศนี้"
สื่อบังกลาเทศวิเคราะห์ว่า ฮาซีนาจะได้รับที่นั่งมากกว่าสองในสามของรัฐสภา หรือเกือบ 90% ของคะแนนเสียงเลือกตั้ง
ทั้งนี้ พรรคชาตินิยมบังกลาเทศ (BNP)และนักเคลื่อนไหวฝ่ายค้านหลายพันคนถูกจับกุมเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังจากการรณรงค์ประท้วงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีชีค ฮาซีนา ลาออกจากตำแหน่งก่อนการเลือกตั้งในเดือนมกราคม เพื่อความโปร่งใส, เสรี และเป็นธรรม
แต่แกนนำฝ่ายค้านราว 25,000 คน รวมทั้งผู้นำท้องถิ่นทั้งหมดของพรรคชาตินิยมบังกลาเทศกลับถูกจับกุมในการปราบปรามของรัฐบาล โดยล่าสุดในเมืองจิตตะกอง ยังคงมีการสลายการชุมนุมของฝ่ายค้านด้วยความรุนแรงในวันเลือกตั้ง ทั้งการใช้อาวุธปืนและแก๊สน้ำตา
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการการเลือกตั้งกล่าวว่า การลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเกือบ 800,000 นายกระจายกำลังทั่วประเทศ.