รัสเซียโจมตีครั้งใหญ่ คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 30 รายทั่วยูเครน

รัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ในยูเครนเมื่อวันศุกร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 รายและบาดเจ็บกว่าร้อยคนทั่วประเทศ ถือเป็นการโจมตีที่รุนแรงที่สุดในวันเดียว

สภาพอาคารที่ถูกทำลายหลังการโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซีย ในเมืองโอเดสซา ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม (Photo by Oleksandr GIMANOV / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2566 กล่าวว่า สงครามที่ดำเนินมาเกือบ 2 ปีระหว่างยูเครนและรัสเซียปะทุความรุนแรงขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากกองกำลังรัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ใส่ยูเครน ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากในวันเดียว

เจ้าหน้าที่ยูเครนว่าระบุ โรงเรียน, โรงพยาบาล, ศูนย์การค้า และอาคารที่พักอาศัย เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายที่ถูกโจมตี

การโจมตีครั้งล่าสุดนี้ถือว่ารุนแรงและสร้างความเสียหายมากที่สุดภายในวันเดียว โดยกองทัพยูเครนประเมินว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธและโดรนใส่พลเรือนมากถึง 158 ลูก แต่ 114 ลูกถูกสกัดไว้ได้

ทั้งนี้ มีรายงานว่าขีปนาวุธรัสเซียแล่นผ่านน่านฟ้าของโปแลนด์ จึงเป็นเหตุให้นานาชาติออกแถลงการณ์ประณามและให้คำมั่นสัญญาครั้งใหม่ว่าจะสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครนในการต่อสู้กับกองทหารรัสเซียที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวว่า "วันนี้ รัสเซียโจมตีเราด้วยเกือบทุกอย่างที่มีอยู่ในคลังแสง"

ขณะที่ยูรี อิกแนต โฆษกกองทัพอากาศยูเครนระบุว่า การโจมตีครั้งนี้มีการใช้ขีปนาวุธจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นการโจมตีด้วยขีปนาวุธขนาดใหญ่ที่สุด ไม่รวมช่วงแรกๆ ของสงครามที่มีการทิ้งระเบิดอย่างต่อเนื่อง

กองกำลังรัสเซียพยายามทำลายระบบป้องกันทางอากาศของยูเครนในหลายๆเมืองใหญ่ โดยยิงโดรนโจมตี 'ชาเฮด' จำนวนหนึ่ง ตามมาด้วยขีปนาวุธหลายประเภทที่ยิงจากเครื่องบินและจากดินแดนที่รัสเซียควบคุม

อิกอร์ ไคลเมนโก รัฐมนตรีมหาดไทยยูเครนประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่า "ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 30 รายและบาดเจ็บมากกว่า 160 คน อันเป็นผลจากการโจมตีครั้งใหญ่ของรัสเซียในดินแดนยูเครนตลอดช่วงเช้า"

ด้านกองทัพรัสเซียประกาศว่าได้โจมตี 51 ครั้งต่อสถานที่ทางทหารในยูเครนเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมเสริมว่า "เป้าหมายทั้งหมดถูกทำลายแล้ว"

โปแลนด์ฟ้องต่อนานาชาติว่า มีขีปนาวุธรัสเซียแล่นผ่านน่านฟ้าของตน

"ทุกสิ่งบ่งชี้ว่ามีขีปนาวุธของรัสเซียเข้าสู่น่านฟ้าของโปแลนด์ โชคดีที่มันแค่ผ่านเข้ามาแล้วจากไป" นายพลวีสลาฟ คูคูลา หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทั่วไปของกองทัพโปแลนด์กล่าว

เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตกล่าวหลังการพูดคุยกับประธานาธิบดีอันแชย์ ดูดา ของโปแลนด์ ระบุว่าพันธมิตรของกลุ่มจะยืนหยัดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับโปแลนด์ และนาโตจะคอยจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

อังเดร เยอร์มัค ผู้ช่วยประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า รัฐบาลเคียฟยังคงต้องการการสนับสนุนทางทหารจากพันธมิตรตะวันตก หลังเผชิญกับการโจมตีของรัสเซียอย่างต่อเนื่อง

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้สภาคองเกรสเลิกแบ่งแยกในการอนุมัติความช่วยเหลือครั้งใหม่แก่ยูเครน หลังจากที่รัฐบาลวอชิงตันเพิ่งส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ชุดสุดท้ายภายใต้ข้อตกลงที่มีอยู่ซึ่งยังคงรอการต่ออายุโดยความเห็นชอบของสภาคองเกรส

"หากสภาคองเกรสไม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในช่วงปีใหม่ เราจะไม่สามารถส่งอาวุธและระบบป้องกันภัยทางอากาศที่สำคัญให้ยูเครนได้ใช้เพื่อปกป้องประชาชนต่อไปได้ สภาคองเกรสจะต้องก้าวออกมาจากความขัดแย้งและดำเนินการโดยไม่ชักช้าอีกต่อไป" ไบเดนกล่าวในแถลงการณ์

อังกฤษประกาศว่าจะส่งขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศอีกหลายร้อยลูกไปให้รัฐบาลเคียฟเช่นกัน หลังจากที่นายกรัฐมนตรีริชี ซูนัก ประกาศว่า "เราจะต้องยืนหยัดเคียงข้างยูเครนต่อไป ตราบเท่าที่ยังสามารถทำได้"

โจเซฟ บอร์เรล ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของสหภาพยุโรปอธิบายว่า การโจมตีพลเรือนครั้งนี้เป็นการโจมตีที่ขี้ขลาดและไร้ซึ่งความยับยั้งชั่งใจ

การโจมตีใหญ่ครั้งล่าสุดนี้มุ่งเป้าไปที่อย่างน้อย 6 ภูมิภาคในยูเครน รวมถึงคาร์คิฟทางตะวันออกเฉียงเหนือ, ลวิฟทางตะวันตก, ดนีโปรทางตะวันออก และโอเดสซาทางใต้

ในกรุงเคียฟ มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และเกิดความเสียหายกับอาคารของสถานีรถไฟใต้ดินลุคยานิฟสกา ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโรงงานผลิตอาวุธที่รัสเซียระบุว่าเป็นเป้าหมายในช่วงต้นของสงคราม

นอกจากนี้ ยังมีรายงานความเสียหายต่อสิ่งอำนวยความสะดวกของพลเรือนในส่วนอื่นๆ ของประเทศด้วย

เมืองคาร์คิฟทางตะวันออกเฉียงเหนือเผชิญกับการโจมตีประมาณ 20 ครั้ง ที่คร่าชีวิตพนักงาน 3 รายในองค์กรพลเรือนแห่งหนึ่ง และทำให้อีก 11 คนได้รับบาดเจ็บ

ในเมืองดนีโปร กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าโรงพยาบาลสำหรับการคลอดบุตรได้รับความเสียหายรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่และผู้ป่วยสามารถหาที่พักพิงได้ทันเวลา

เซอร์เก ลีซัค ผู้ว่าการดนีโปร กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิต 6 รายและบาดเจ็บ 28 คน จากห้างสรรพสินค้า, บ้านส่วนตัว และอาคารที่ถูกโจมตี

ลีซัคกล่าวว่า มีผู้หญิง 12 คนอยู่ระหว่างคลอดลูกที่โรงพยาบาล และมีทารกแรกเกิดคลอดออกมา 4 คนในช่วงเกิดเหตุโจมตี

ในโอเดสซาซึ่งโดนโจมตีเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูร้อนที่ผ่านมา มีรายงานผู้เสียชีวิต 4 ราย ขณะที่ลวิฟทางตะวันตกของยูเครน มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 รายและบาดเจ็บ 15 คน เนื่องจากอาคารสูงและโรงเรียน 2 แห่ง ถูกโจมตีจนเสียหาย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง