อิสราเอลยังคงกดดันฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่องแม้เป็นสุดสัปดาห์ก่อนคริสต์มาสอีฟ ขณะที่มหาอำนาจโลกเรียกร้องให้มีการส่งความช่วยเหลือเพิ่มเติมเข้าไปในดินแดนที่ถูกปิดล้อม
ชาวปาเลสไตน์แย่งกันรับอาหารที่จุดบริจาคในค่ายผู้ลี้ภัยในเมืองราฟาห์ ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ท่ามกลางการสู้รบอย่างต่อเนื่องระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส (Photo by Mahmud HAMS / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 23 ธันวาคม 2566 กล่าวว่า กองทัพอิสราเอลยังคงโจมตีฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปูพรมทิ้งระเบิดเมืองข่าน ยูนิส ในช่วงเช้า
กระทรวงสาธารณสุขที่ควบคุมโดยกลุ่มฮามาสรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 18 รายจากการโจมตีบ้านในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัตทางตอนกลางและตามแนวชายฝั่งของฉนวนกาซา
เหตุโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติเรียกร้องให้เร่งส่งมอบความช่วยเหลือไปยังฉนวนกาซาในวงกว้างอย่างปลอดภัยและไม่มีอุปสรรค แต่ไม่มีการหยิบยกข้อเรียกร้องหยุดยิงมาพิจารณา
พลเมืองกาซาที่ไม่ได้อพยพออกจากพื้นที่ ถูกสถานการณ์บังคับให้อยู่แต่ในที่พักพิงหรือเต็นท์ชั่วคราวอย่างแออัด และกำลังต่อสู้ดิ้นรนเพื่อหาอาหาร, เชื้อเพลิง, น้ำ และการรักษาพยาบาล
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า การหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมเป็นวิธีเดียวที่จะส่งมอบความช่วยเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่จำนวนรถบรรทุกช่วยเหลือ แต่การโจมตีโดยไม่หยุดของอิสราเอลคืออุปสรรคอันใหญ่หลวงในการแจกจ่ายความช่วยเหลือ" กูเตอร์เรสกล่าว
แม้สหประชาชาติจะลงมติแล้ว แต่อิสราเอลยืนยันว่าจะสู้รบต่อไปจนกว่ากลุ่มฮามาสจะถูกกำจัด และตัวประกันถูกปล่อยตัว
"อิสราเอลจะทำสงครามในฉนวนกาซาต่อไป" เอลี โคเฮน รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลกล่าว โดยยืนยันว่าสงครามนี้ถูกกฎหมายและยุติธรรม
การสู้รบที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ทำให้มีการสูญเสียชีวิตทั้งสองฝ่ายไปแล้วกว่า 21,197 ราย และตัวประกันถูกจับกุมในฉนวนกาซาอีก 129 คน
อิสราเอลยืนยันว่ากลุ่มฮามาสต้องถูกประณามสำหรับการเสียชีวิตของพลเรือนจำนวนมาก โดยกล่าวหากลุ่มอิสลามิสต์ว่าใช้ชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์เป็น "โล่มนุษย์" และแอบแฝงปฏิบัติการในเขตโรงพยาบาล, โรงเรียน และพื้นที่ของหน่วยงานสหประชาชาติ
แม้จะแสดงตัวว่าเป็นพันธมิตรเหนียวแน่น แต่สหรัฐฯ ซึ่งให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่อิสราเอลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ได้กดดันอิสราเอลมากขึ้นเรื่อยๆ ให้หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน
สหประชาชาติประเมินว่าการสู้รบดังกล่าวทำให้ประชากร 2.4 ล้านคนในฉนวนกาซาต้องพลัดถิ่นมากถึง 1.9 ล้านคน และในส่วนที่ยังคงอยู่ในพื้นที่กำลังเผชิญความอดอยากอย่างแสนสาหัส
มติของสหประชาชาติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้มีการวีโต้แต่อย่างใด มีเพียงการงดออกเสียงของสหรัฐฯ และรัสเซียเท่านั้น ทำให้สหประชาชาติมีบทบาทมากขึ้นในการประสานงานการส่งมอบความช่วยเหลือไปยังฉนวนกาซา
แต่รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอลยังคงยืนยันว่าประเทศของเขา จะคัดกรองความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั้งหมดต่อฉนวนกาซาต่อไป ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย
ขณะที่กลุ่มฮามาสท้วงติงว่า มติดังกล่าวของสหประชาชาติเป็นมาตรการที่ไม่เพียงพอต่อการตอบสนองสถานการณ์หายนะที่สร้างขึ้นโดยเครื่องจักรสงครามอย่างอิสราเอล.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฝนและความหนาวเย็นทำให้สถานการณ์ของผู้พลัดถิ่นและตัวประกันในฉนวนกาซารุนแรงขึ้น
ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ในฉนวนกาซาต้องพลัดถิ่นตั้งแต่เริ่มสงคราม ขณะนี้พวกเขากำลังเผชิญกับภาว