ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จัดงานแถลงข่าวประจำปี หลังวางแผนที่จะอยู่ในอำนาจจนถึงปี 2573 เป็นอย่างน้อย พร้อมมั่นใจได้รับชัยชนะในยูเครน
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย จัดงานแถลงข่าวประจำปีที่ห้องนิทรรศการ Gostiny Dvor ใจกลางกรุงมอสโก เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม (Photo by Alexander Zemlianichenko / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 ธันวาคม 2566 กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย จัดงานตอบคำถามผู้สื่อข่าวประจำปี หลังประกาศลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีต่ออีก 1 สมัย
ปูตินวัย 71 ปี นั่งตอบคำถามผู้สื่อข่าวเป็นเวลานานด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย แม้ต้องเผชิญแรงกดดันจากการถูกคว่ำบาตรมาเกือบ 2 ปี และยังคงยืนยันเป้าหมายสูงสุดในยูเครนเช่นเดิม
"สันติภาพจะเกิดเมื่อเราบรรลุเป้าหมาย" ปูตินกล่าวในการปรากฏตัวส่งท้ายปีตามธรรมเนียมปฎิบัติของเขา
นับตั้งแต่รัสเซียสร้างความตื่นตะลึงให้กับโลกด้วยการส่งทหารไปยังยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ปูตินยืนยันมาตลอดว่าประเทศของเขาจะได้รับชัยชนะ และในวันนี้คำตอบก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
เขายืนกรานว่าเป้าหมายเหล่านั้น "ไม่เปลี่ยนแปลง" ทั้งการทำลายล้างลัทธินาซี, การลดกำลังทหารของยูเครนและทำให้กลับคืนสู่สถานะรัฐที่เป็นกลาง
การปรากฏตัวทางโทรทัศน์นาน 4 ชั่วโมงของปูติน เกิดขึ้นในช่วงตกต่ำที่สุดสำหรับรัฐบาลเคียฟ ซึ่งสูญเสียไปแล้วหลายหมื่นชีวิต และเมืองทางใต้และตะวันออกถูกทำลายย่อยยับ
กลยุทธ์โต้กลับในช่วงฤดูร้อนของยูเครนดำเนินไปโดยไม่มีความคืบหน้ามากนัก และการสนับสนุนจากพันธมิตรตะวันตกก็ลดน้อยลงเนื่องจากความเหนื่อยล้าที่เพิ่มมากขึ้นท่ามกลางสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหรัฐฯ และความขัดแย้งภายในสหภาพยุโรป
ปูตินยกประเด็นนี้ขึ้นมาเน้นย้ำว่า การคว่ำบาตรของชาติตะวันตกและการถูกโดดเดี่ยวมาเกือบ 2 ปี ไม่ได้ส่งผลเสียหายต่อเศรษฐกิจหรือขวัญกำลังใจของรัสเซียแต่อย่างใด
"ไม่เพียงแต่ทำให้เรารู้สึกมั่นใจเท่านั้น แต่ยังเพียงพอสำหรับการก้าวไปข้างหน้าด้วย" ปูตินกล่าว
กองทัพรัสเซียกล่าวล่าสุดว่า ได้ยิงโดรนของยูเครนตก 9 ลำขณะกำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงมอสโกเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่งานแถลงข่าวของปูตินจะเริ่มขึ้น
ด้านยูเครนระบุว่า ได้ยิงโดรนของรัสเซีย 42 ลำตกเช่นกัน โดยโดรนเหล่านั้นมีเป่าหมายโจมตีโอเดสซา แต่มี 1 ลำที่หลุดรอดไปโจมตี จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 11 คน
การแถลงของปูตินเกิดขึ้นพร้อมกับการประชุมสุดยอดครั้งสำคัญในกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งยูเครนยังคงหวังว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนในการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปเสียที
แต่ความต้องการดังกล่าวถูกขัดขวางโดยนายกรัฐมนตรีวิคเตอร์ ออร์บาน ของฮังการี ซึ่งเป็นพันธมิตรของปูตินที่ยืนหยัดต่อต้านการเป็นสมาชิกของยูเครน
ออร์บาน ยืนยันจุดยืนดังกล่าวก่อนเริ่มการเจรจาในกรุงบรัสเซลส์เมื่อวันพฤหัสบดี โดยบอกว่า ยูเครนยังไม่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ในการเข้าร่วมกลุ่ม
"ไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดคุยเรื่องยูเครน เนื่องจากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขเบื้องต้น" ออร์บานกล่าว
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ประกาศในที่ประชุมว่า ปูตินจะพยายามหาประโยชน์จากความล้มเหลวของการประชุมสุดยอดบรัสเซลส์ พร้อมกระตุ้นให้ที่ประชุมอย่าลังเล
เยนส์ สโตลเตนเบิร์ก เลขาธิการองค์การนาโต ยืนยันสนับสนุนข้อความของผู้นำยูเครน พร้อมเตือนว่าปูตินอาจโจมตีประเทศอื่นๆ หากการสนับสนุนทางทหารต่อรัฐบาลเคียฟหมดไป
"หากปูตินชนะในยูเครน ก็มีความเสี่ยงอย่างแท้จริงที่ความก้าวร้าวของเขาจะไม่สิ้นสุดเพียงแค่นั้น" สโตลเตนเบิร์กกล่าว และเสริมว่า ทุกๆการสนับสนุนไม่ใด้เป็นไปเพื่อการกุศล แต่เป็นการลงทุนด้านความปลอดภัยของเราเอง
การเยือนวอชิงตันของเซเลนสกีในสัปดาห์นี้ยิ่งทำให้ปูตินยิ้มออก หลังผู้นำยูเครนล้มเหลวในการจูงใจพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสให้ยอมอนุมัติแพ็คเกจความช่วยเหลือใหม่มูลค่า 60,000 ล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน รัฐบาลมอสโกยังคงสามารถรักษาความได้เปรียบทางทหารไว้ได้ผ่านการขายน้ำมัน จากการเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาระเบียของปูตินเมื่อไม่นานมานี้
ส่วนปัญหาภายในบ้านจากประเด็นเกณฑ์ทหารไปรบในยูเครนเมื่อเดือนกันยายน 2565 จนนำไปสู่การประท้วงและการอพยพของชายชาวรัสเซียจำนวนมาก ปูตินได้ระงับปฎิบัติการดังกล่าวออกไปก่อนในปีนี้ และจะดำเนินวาระใหม่อีกครั้งในเดือนมีนาคม โดยเขากล่าวว่ารัสเซียมีผู้คนอยู่ในพื้นที่สู้รบแล้ว 617,000 คน และกำลังรับสมัครเพิ่ม 1,500 คนต่อวัน.