อนามัยโลกอนุมัติ 'โนวาแวกซ์' วัคซีนชนิดที่ 10 สู้โควิด

องค์การอนามัยโลกอนุมัติการใช้งานฉุกเฉินสำหรับวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท โนวาแวกซ์ จากสหรัฐแล้วเมื่อวันอังคาร คล้อยหลังสหภาพยุโรปเปิดไฟเขียวเมื่อวันก่อน เป็นวัคซีนชนิดที่ 10 ที่ผ่านการอนุมัติจากอนามัยโลก

รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอังคารที่ 21 ธันวาคม 2564 กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของโนวาแวกซ์ สำหรับการใช้ในกรณีฉุกเฉิน (อียูแอล) แล้วในวันเดียวกันนี้ ซึ่งจะเอื้อให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกสามารถอนุมัติและนำเข้าวัคซีนเพื่อใช้งานได้โดยเร็ว และยังเปิดทางให้บรรจุวัคซีนของโนวาแวกซ์เข้าโครงการโคแวกซ์ด้วย

วัคซีน "นูวาโซวิด" ของบริษัท โนวาแวกซ์ เพิ่งได้รับการอนุมัติจากองค์การยาแห่งยุโรป (อีเอ็มเอ) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยเป็นวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดที่ 5 ที่ได้รับการอนุมัติสำหรับการใช้แบบฉุกเฉินในสหภาพยุโรป ตามหลังวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค, โมเดอร์นา, แอสตร้าเซนเนก้า และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน

วัคซีนของโนวาแวกซ์ชนิดนี้ใช้เทคโนโลยีแผนปัจจุบันมากกว่าวัคซีนชนิดอื่นๆ ที่ผ่านการอนุมัติก่อนหน้านี้ โดยเจ้าหน้าที่ของอียูคาดหวังว่า วัคซีนชนิดนี้จะช่วยชักจูงให้ผู้ที่ยังลังเลกับวัคซีนยอมมาฉีดวัคซีนได้

เทคโนโลยีของโนวาแวกซ์เป็นแบบดั้งเดิมมากกว่าโดยใช้การเพาะโปรตีนส่วนหนามของไวรัสโคโรนา แทนการใช้เชื้ออ่อนหรือเชื้อที่ตายแล้ว มากระตุ้นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน เทคโนโลยีนี้ผ่านการทดลองและทดสอบและเป็นวิธีการผลิตวัคซีนที่ใช้มานานหลายทศวรรษ รวมถึงการผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ ชนิดบี และโรคไอกรน

นูวาโซวิด ซึ่งฉีด 2 โดส เป็นวัคซีนชนิดที่ 10 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอียูแอลจากองค์การอนามัยโลก โดยวัคซีนชนิดล่าสุดที่ได้รับอียูแอลเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ก็เป็นวัคซีนของโนวาแวกซ์เช่นกัน แต่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดีย ภายใต้ใบอนุญาตจากบริษัทเภสัชกรรมอเมริกันแห่งนี้

วัคซีนชนิดอื่นที่ผ่านอียูแอลก่อนหน้านี้ได้แก่ วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค และโมเดอร์นา ที่ใช้เทคโนโลยี mRNA, วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน, แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งแยกเป็นชนิดที่ผลิตในยุโรปและในอินเดีย, วัคซีนของโคแวกซิน และวัคซีนซิโนฟาร์มกับซิโนแวคจากจีน

ผลการศึกษาทางคลินิก 2 ชิ้นสำคัญ จากอังกฤษ กับอีกชิ้นจากสหรัฐและเม็กซิโก ที่เก็บข้อมูลจาก 45,000 คน เผยว่า นูวาโซวิดให้ประสิทธิภาพราว 90% ในการลดอาการป่วยจากโควิด-19 ได้

คำแนะนำจากคณะที่ปรึกษายุทธศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภูมิคุ้มกันของดับเบิลยูเอชโอ แนะให้ใช้วัคซีนนูวาโซวิดกับผู้ที่อายุเกิน 18 ปี โดยเว้นระยะการฉีดเข็มแรกและเข็มที่ 2 ห่างกัน 3-4 สัปดาห์

วัคซีนชนิดนี้สามารถเก็บในอุณหภูมิตู้เย็นปกติระหว่าง 2-8 องศาเซลเซียส ซึ่งให้ความได้เปรียบด้านลอจิสติกสำหรับภูมิภาคที่ยากต่อการเข้าถึงวัคซีน mRNA ซึ่งต้องเก็บในอุณหภูมิที่ต่ำมากๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อดีตปธ.กมธ.คมนาคม' บี้ถอดบทเรียนบัสมรณะ เร่งสร้างจิตสำนึกคนขับ-เข้มใช้กม.

'อดีตปธ.กมธ.คมนาคม' ชี้รายงานWHO ไทยครองอันดับ 1 อาเซียน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน และอันดับ 9 ของโลก สาเหตุหลักคนขับรถประมาท แนะรัฐบาลถอดบทเรียนโศกนาฏกรรมบัสมรณะ

เปิดผลสอบ 'ฝีดาษลิง' ธรรมชาติรังสรรค์ หรือมนุษย์ประดิษฐ์!

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "การสอบสวนฝีดาษลิงธรรมชาติสร้างสรรค์หรือมนุษย์ประดิษฐ์"

8 ปัจจัยที่เอื้อต่อผลสำเร็จ ในการปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิและชุมชน ของระบบสุขภาพไทย

นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ ประธานกรรมการมูลนิธิแพทย์ชนบท เจ้าของรางวัลผู้นำสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เผยแพร่บทความเรื่อง 8 ปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จในการปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิและชุมชนของระบบสุขภาพไทย มีเนื้อหาดังนี้