ความคืบหน้าล่าสุดในสงครามฉนวนกาซา

อิสราเอลอนุมัติความช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิงในฉนวนกาซา แต่ก็ยังคงโจมตีไม่หยุด ทั้งตอนเหนือและตอนใต้ของดินแดน

กลุ่มควันจากการทิ้งระเบิดของอิสราเอลในเมืองข่าน ยูนิส ในฉนวนกาซาตอนใต้ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ท่ามกลางการสู้รบที่ดำเนินต่อเนื่องระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาส (Photo by SAID KHATIB / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม 2566 กล่าวว่า สงครามทำลายล้างระหว่างอิสราเอลและกลุ่มติดอาวุธฮามาสในสมรภูมิดุเดือดทั่วฉนวนกาซา ล่วงเข้าสู่เดือนที่ 3 แล้ว โดยมีผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่ายกว่า 17,400 ราย และเหลือจำนวนตัวประกันในครอบครองของฮามาสอีก 138 คน

สหประชาชาติกังวลว่า ดินแดนกาซาอาจล่มสลายในไม่ช้า เพราะไม่เหลือพื้นที่แห่งความสงบเรียบร้อยอีกต่อไป ภายใต้สภาพความสิ้นหวังของพลเรือนที่เหลือรอด

กลุ่มผู้นำจี 7 กล่าวว่าพวกเขายังคงมุ่งมั่นต่อการสนับสนุนรัฐปาเลสไตน์ ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนในดินแดนนี้

ขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอลอนุญาตให้มีการส่งความช่วยเหลือด้านเชื้อเพลิงให้กับฉนวนกาซา เพื่อป้องกันการล่มสลายด้านมนุษยธรรม

กองทัพอิสราเอลระบุว่า ได้เจาะแนวป้องกันของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์รอบๆ เมืองข่าน ยูนิส ทางตอนใต้ และดำเนินการโจมตีแบบกำหนดเป้าหมายในใจกลางเมือง ซึ่งกองทหารค้นพบและทำลายปล่องอุโมงค์ได้อีก 30 แห่ง รวมทั้งคืบเข้าใกล้บ้านพักของยาห์ยา ซินวาร์ ผู้นำกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา

นอกจากนี้ กองทัพอิสราเอลยังกล่าวอีกว่า ได้โจมตีเป้าหมายประมาณ 250 แห่งในฉนวนกาซาในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และพบคลังอาวุธที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ใกล้กับคลินิกและโรงเรียนทางตอนเหนือ

มีรายงานผู้เสียชีวิต 17 รายจากการโจมตีย่านที่อยู่อาศัยในเมืองราฟาห์ และ 22 รายในค่ายจาบาเลียทางตอนเหนือ

ในเขตเวสต์แบงก์ กองทหารอิสราเอลบุกโจมตีค่ายผู้ลี้ภัย 2 แห่งและสังหารชาวปาเลสไตน์ 4 คน โดย 2 คนในจำนวนนี้เป็นเพียงเยาวชนอายุ 16 ปี ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดร.ปณิธาน วิเคราะห์สถานการณ์ตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลตอบโต้กลับอิหร่าน 

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และการต่างประเทศ  โพสต์คลิปสัมภาษณ์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมข้อความว่า  อิสราเอลแถลงว่าการโจมตีอิหร่านสิ้นสุดลงแล้ว (พรุ่งนี้ต้องจับตาดูการเจรจาหยุดยิงและแลกเปลี่ยนตัวประกันรอบใหม่ระหว่างฮามาสและอิสราเอลที่ Doha)