จีนและอุรุกวัยยกระดับความสัมพันธ์ หลังผู้นำพบปะกันที่กรุงปักกิ่ง

จีนยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับอุรุกวัย หลังผู้นำสองชาติพบปะกันอย่างเป็นทางการที่กรุงปักกิ่ง

ประธานาธิบดีลุยส์ ลากาเย โปว์ ของอุรุกวัย (ซ้าย) และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน จับมือกันระหว่างพิธีลงนามที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน (Photo by FLORENCE LO / POOL / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2566 กล่าวว่า ประธานาธิบดีลุยส์ ลากาเย โปว์ ของอุรุกวัย เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ โดยได้รับการต้อนรับทางทหารอย่างสมเกียรติจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอุรุกวัย สอดคล้องกับอิทธิพลที่เติบโตอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลปักกิ่งในละตินอเมริกา โดยทุ่มเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน

"ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและอุรุกวัยได้รับการยกระดับแล้ว" สี จิ้นผิงกล่าว พร้อมประกาศจัดตั้งหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระดับมหภาคร่วมกัน

ผู้นำจีนยังกล่าวอีกว่า เขามุ่งมั่นที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอุรุกวัยเป็น "ต้นแบบของความสามัคคีและความร่วมมือ"

จีนมุ่งเน้นการสร้างสัมพันธ์ในดินแดนละตินอเมริกา ในฐานะส่วนหนึ่งของการแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติทั่วโลก โดยหลายประเทศเข้าร่วมโครงการโครงสร้างพื้นฐานตามแผนริเริ่มสายแถบและเส้นทางของจีน

ทั้งนี้ อุรุกวัยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอเมริกาใต้ (Mercosur) ร่วมกับสมาชิกอีก 3 ประเทศ ได้แก่ บราซิล, อาร์เจนติน่า และปารากวัย

ความปรารถนาของอุรุกวัยที่จะเจรจาข้อตกลงทางการค้ากับจีนอย่างเป็นเอกเทศ ได้จุดประกายความขัดแย้งกับประเทศสมาชิกกลุ่มที่เหลือ จนมีข่าวลือว่ากลุ่มนี้อาจแตกสลาย

เมื่อเร็วๆ นี้ บราซิลยืนยันความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับจีนภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดีลุยซ์ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา

แต่ ฮาเวียร์ มิลเล ผู้ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนล่าสุดของอาร์เจนตินา ขู่ว่าจะตัดความสัมพันธ์กับจีนในระหว่างการหาเสียงของเขา ขณะที่ปารากวัยยังคงยืนยันรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน

ในคำปราศรัยต่อหน้าสื่อ ผู้นำอุรุกวัยกล่าวว่าเขาต้องการกระชับความสัมพันธ์กับจีนในหลากหลายมิติและลึกซึ้งยิ่งขึ้น

เขายังกล่าวอีกว่า อุรุกวัยกำลังดำเนินการเพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ ซึ่งเป็นสถาบันที่ก่อตั้งโดยกลุ่มประเทศ BRICS และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเซี่ยงไฮ้ พร้อมทิ้งท้ายว่า เขาได้เชิญผู้นำจีนไปเยือนอุรุกวัยในปีหน้าด้วย.