อิสราเอลปรับยอดผู้เสียชีวิตในประเทศลดลงจากเดิม แต่ในกาซาตัวเลขพุ่งไม่หยุดเนื่องจากแนวปะทะล่าสุดอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลและโรงเรียน โลกอาหรับและมุสลิมรวมกลุ่มประณาม
ผู้นำชาติอาหรับและมุสลิมจากซีเรีย, อียิปต์, จอร์แดน, ซาอุดิอาระเบีย, ปาเลสไตน์, ตุรเคีย, อิหร่าน และกาตาร์ ยืนถ่ายรูปหมู่ก่อนการประชุมฉุกเฉินของสันนิบาตอาหรับและองค์การความร่วมมืออิสลาม ในกรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดิอาระเบีย เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน (Photo by Thaer GHANAIM / PPO / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน 2566 กล่าวว่า การต่อสู้ดุเดือดในฉนวนกาซาล่วงเข้าสู่ 5 สัปดาห์หลังจากการโจมตีของกลุ่มฮามาสและการตอบโต้อย่างรุนแรงต่อเนื่องของกองทัพอิสราเอล
มีการปรับยอดผู้เสียชีวิตในฝั่งอิสราเอลที่ 1,200 ราย ขณะที่ในกาซา มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 11,000 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือนและเด็ก
อิสราเอลเผชิญกับเสียงเรียกร้องให้ปกป้องพลเรือนในฉนวนกาซาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากพื้นที่ปะทะล่าสุดกับกลุ่มฮามาสเกิดขึ้นบริเวณรอบๆ โรงพยาบาลซึ่งชาวปาเลสไตน์ได้ขอลี้ภัยจากการสู้รบและพักพิงอยู่
แม้ว่าผู้คนหลายหมื่นคนจะอพยพหนีจากการสู้รบแล้ว แต่หลายคนได้เข้าไปหลบภัยในโรงพยาบาลทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ซึ่งถูกโจมตีด้วยระเบิดและปืนหลายครั้ง
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอัล-ชิฟา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในกาซา กล่าวว่า บริเวณดังกล่าวถูกโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าในชั่วข้ามคืน และสูญเสียพลังงานไฟฟ้าเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพราะเครื่องกำเนิดไฟฟ้าถูกโจมตีเสียหาย
มีรายงานทารกที่คลอดก่อนกำหนด 2 รายเสียชีวิต เนื่องจากไฟฟ้าดับข้ามคืน และยังมีชีวิตของทารกอีก 37 คนตกอยู่ในความเสี่ยง ขณะที่การสู้รบหนักโหมกระหน่ำในบริเวณใกล้เคียง
แต่กองทัพอิสราเอลปฏิเสธการโจมตีหรือการปิดล้อมโรงพยาบาลอัล-ชิฟา และกล่าวหาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ากลุ่มฮามาสใช้สิ่งอำนวยความสะดวกทางการแพทย์เป็นศูนย์บัญชาการและที่ซ่อน ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่กลุ่มฮามาสปฏิเสธ
กองทัพอิสราเอลยังกล่าวอีกว่า พวกเขาจะให้ความช่วยเหลือที่จำเป็น เพื่อช่วยให้เด็กทารกย้ายไปยังโรงพยาบาลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
นอกจากนี้อิสราเอลยังชี้แจงเพิ่มเติมว่า กองกำลังของตนได้โจมตีทางอากาศใส่โรงเรียนอัล-บูรัค ของกาซาซิตี้ และสังหารผู้บัญชาการกองร้อยฮามาสรายหนึ่ง พร้อมกล่าวหาว่าฮามาสใช้พลเรือนเป็น "โล่ห์มนุษย์"
ทั้งนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตประมาณ 50 รายในการโจมตีโรงเรียนดังกล่าว
ผู้นำชาติอาหรับและมุสลิมประณามอิสราเอลระหว่างการประชุมสุดยอดร่วมกันของสันนิบาตอาหรับและองค์การความร่วมมืออิสลามในกรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดิอาระเบีย
บรรดาผู้นำต่างชี้ว่าการกระทำของกองกำลังอิสราเอลในฉนวนกาซานั้นป่าเถื่อน และควรถูกกำหนดให้เป็น "องค์กรก่อการร้าย" แต่ก็ไม่ได้ลงมติคว่ำบาตรหรือออกมาตรการลงโทษทางเศรษฐกิจและการเมืองต่ออิสราเอล
แถลงการณ์ของบรรดาผู้นำฯไม่ยอมรับคำกล่าวอ้างของอิสราเอลที่ว่าการบุกรุกฉนวนกาซาคือการทำหน้าที่ปกป้องตนเอง และเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติที่เด็ดขาดและมีผลผูกพัน เพื่อหยุดยั้งการรุกรานของอิสราเอล
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ย้ำว่าอิสราเอลไม่ต้องการยึดครองฉนวนกาซาอีก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นระหว่างปี 2510-2548 อย่างไรก็ตาม อิสราเอลจะมีการควบคุมความมั่นคงในฉนวนกาซาเมื่อสงครามสิ้นสุดลง
ผู้คนประมาณ 300,000 คนเดินขบวนทั่วกรุงลอนดอนเพื่อสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ จนบานปลายเป็นเหตุรุนแรงระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ประท้วงฝ่ายขวาจัด นำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุ 82 คน กลายเป็นบรรยากาศแห่งความขัดแย้งทั้งๆที่ตรงกับวันครบรอบการสงบศึกและรำลึกถึงการยุติการสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อปี 2461
ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์ หัวหน้ากลุ่มฮิซบุลเลาะห์กล่าวว่า กำลังเตรียมใช้โดรนในการโจมตีอิสราเอล ซึ่งเป็นอาวุธใหม่ที่จะใช้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกลุ่ม ในขณะที่การยิงตอบโต้บริเวณชายแดนทางใต้ของเลบานอนทวีความรุนแรงมากขึ้น
คำกล่าวของนัสรุลเลาะห์กระตุ้นให้เกิดคำเตือนจากรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ที่ว่าเลบานอนจะโดนโจมตีแบบเดียวกับที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฝนและความหนาวเย็นทำให้สถานการณ์ของผู้พลัดถิ่นและตัวประกันในฉนวนกาซารุนแรงขึ้น
ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ในฉนวนกาซาต้องพลัดถิ่นตั้งแต่เริ่มสงคราม ขณะนี้พวกเขากำลังเผชิญกับภาว