นายกรัฐมนตรีโปรตุเกสประกาศลาออกกระทันหัน หลังพัวพันคดีคอร์รัปชันจากการลงนามในสัญญาด้านพลังงาน
นายกรัฐมนตรีอันโตนิโอ คอสตา ของโปรตุเกส ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกสอบสวนคดีคอร์รัปชัน เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน (Photo by PATRICIA DE MELO MOREIRA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2566 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีอันโตนิโอ คอสตา ของโปรตุเกส ประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างกระทันหัน หลังจากที่เขาพัวพันกับเหตุคอร์รัปชันในการลงนามสัญญาด้านพลังงาน
"หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีไม่สอดคล้องกับความสงสัยในความซื่อสัตย์ของผม" คอสตากล่าวในการแถลงข่าว หลังจากแจ้งขอลาออกกับประธานาธิบดีมาร์เซโล เรเบโล เด โซซา เมื่อวันอังคาร
"ในสถานการณ์เช่นนี้ ผมได้นำเสนอการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐ" เขากล่าวเสริม
สื่อโปรตุเกสรายงานว่า ก่อนหน้านี้ไม่นานเจ้าหน้าที่สืบสวนได้ตรวจค้นกระทรวงหลายแห่งและสำนักงานของคอสตาเพื่อค้นหาเบาะแสหรือหลักฐานคดีทุจริตคอร์รัปชัน
อัยการกล่าวในเวลาต่อมาว่า พวกเขาได้ฟ้องร้องเจา กาลัมบา รัฐมนตรีกระทรวงโครงสร้างพื้นฐาน และออกหมายจับหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของคอสตา
การสอบสวนครอบคลุมถึง “การใช้เงินกองทุนผิดประเภท, การคอร์รัปชันทั้งทางตรงและลับหลังโดยบุคคลสำคัญทางการเมือง และการเรียกรับผลตอบแทน" ตามคำแถลงของอัยการ
มีการดำเนินการสอบสวนแยกต่างหากต่อตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเข้าแทรกแซงเป็นการส่วนตัวเพื่อเร่งรัดให้บรรลุสัญญาเร็วขึ้น
สัญญาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสัมปทานการขุดลิเธียมทางตอนเหนือของประเทศ เช่นเดียวกับโครงการผลิตไฮโดรเจนและศูนย์ข้อมูลที่จะสร้างโดยบริษัท Start Campus ในซินเนช ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ห่างจากลิสบอนไปทางใต้ประมาณ 100 กิโลเมตร
โดยอ้างถึงความเสี่ยงในการดำเนินการและความเป็นไปได้ที่กิจกรรมผิดกฎหมายอาจดำเนินต่อไป จึงมีการออกหมายจับนายกเทศมนตรีของซินเนช และผู้บริหาร 2 คนของบริษัท Start Campus อีกทั้ง ประธานคณะกรรมการบริหารของหน่วยงานโปรตุเกสเพื่อการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมก็ถูกสั่งฟ้องเช่นกัน
หน่วยงานดังกล่าวเพิ่งอนุมัติโครงการขุดลิเธียมซึ่งเป็นโลหะจำเป็นสำหรับการผลิตแบตเตอรี่ไฟฟ้า และโครงการดังกล่าวถูกต่อต้านโดยกลุ่มสิ่งแวดล้อมและประชาชนในท้องถิ่น
โปรตุเกสมีปริมาณสำรองลิเธียมมากที่สุดในยุโรปและเป็นผู้ผลิตชั้นนำของทวีป แต่ผลผลิตในปัจจุบันมุ่งไปที่อุตสาหกรรมเซรามิกและแก้วทั้งหมด
คอสตา จากพรรคสังคมนิยมของโปรตุเกส เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปลายปี 2558 และได้รับเลือกอีกสมัยในเดือนมกราคม 2565 ความนิยมของเขาลดลงเมื่อเร็วๆ นี้หลังเกิดเรื่องอื้อฉาวหลายครั้งที่เกี่ยวข้องกับสายการบินแห่งชาติ ทีเอพี (TAP).
