ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเล็งเห็นความจำเป็นอย่างยิ่งในการส่งเสริมการดำเนินงานในเอเชียกลาง ในขณะที่ยุโรป, รัสเซีย, จีน และตุรเคีย ต่างก็แย่งชิงอิทธิพลในภูมิภาคที่อุดมไปด้วยทรัพยากรแห่งนี้
ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส (ซ้าย) และประธานาธิบดีชัฟคัต มีร์ซีโยเยฟ ของอุซเบกิสถาน จับมือกันระหว่างพิธีลงนามที่ห้องประชุมใหญ่ในเมืองซามาร์คันด์ ประเทศอุซเบกิสถาน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน (Photo by Ludovic MARIN / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน 2566 กล่าวว่า ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เดินทางเยือนอุซเบกิสถาน ซึ่งเป็นการเดินทางเยือนประเทศนี้ครั้งแรกของประธานาธิบดีฝรั่งเศสในรอบเกือบ 30 ปี
มาครงเป็นผู้นำฝรั่งเศสคนแรกที่เยือนอุซเบกิสถาน นับตั้งแต่ฟรองซัวส์ มิตแตร์รองด์ ในปี 2537
มาครงกำลังปฏิบัติภารกิจกระชับความร่วมมือระหว่างการเยือนภูมิภาคที่อุดมไปด้วยทรัพยากรเป็นเวลา 2 วัน ซึ่งรัสเซีย, จีน, ตุรเคีย และยุโรปต่างกำลังแย่งชิงอิทธิพลกันในภูมิภาคนี้ โดยก่อนหน้านี้เขาเพิ่งพบปะกับผู้นำคาซัคสถาน
มาครงใช้การเดินทางครั้งนี้เพื่อผลักดันธุรกิจและวัฒนธรรมของฝรั่งเศส รวมทั้งสนับสนุนโครงการของประธานาธิบดีชัฟคัต มีร์ซีโยเยฟ ของอุซเบกิสถาน ที่ต้องการเปิดประเทศให้กับนักลงทุนทั่วโลก
"อุซเบกิสถานกำลังเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่เราต้องมาที่นี่" มาครงกล่าวในพิธีเปิดฟอรั่มธุรกิจฝรั่งเศส-อุซเบกในเมืองซามาร์คันด์ อันเป็นเส้นทางสายไหมโบราณ
ผู้นำอุซเบกิสถานกล่าวว่า การเยือนของมาครงมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และผู้นำทั้งสองได้ตกลงที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีไปสู่ระดับหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
การเดินทางครั้งนี้ มีนักธุรกิจชั้นนำชาวฝรั่งเศสราว 60 คนร่วมเดินทางไปกับมาครงด้วย รวมทั้งมีการลงนามข้อตกลงหลายฉบับในภาคพลังงาน, แร่ธาตุ และการขนส่ง
หลายทศวรรษแห่งความโดดเดี่ยวหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต มีร์ซีโยเยฟกำลังพยายามดึงดูดการลงทุนระดับโลก และปรับปรุงภาพลักษณ์ของประเทศ
แต่นักวิจารณ์และกลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า อุซเบกิสถานยังคงมีโครงสร้างทางการเมืองแบบเผด็จการ โดยฝ่ายค้านทางการเมืองและผู้เห็นต่างถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
เมื่อปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 21 รายจากการปะทะกันระหว่างตำรวจและผู้ประท้วง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ความไม่สงบที่ไม่ค่อยได้พบเห็นในประเทศอดีตสหภาพโซเวียต
แต่มาครงกล่าวว่า เขาเชื่อมั่นในพลวัตการปฏิรูปของอุซเบกิสถาน และมั่นใจในกลยุทธ์การบริหารประเทศของมีร์ซีโยเยฟ
การเดินทางไปยังภูมิภาคนี้ของมาครงถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากทั้งมอสโกและปักกิ่งซึ่งมีความสัมพันธ์อันยาวนานในเอเชียกลาง
ภูมิภาคนี้เป็นกุญแจสำคัญของโครงการโครงสร้างพื้นฐาน "เส้นทางสายไหมใหม่" ของจีน ในขณะที่คาซัคสถาน, คีร์กีซสถาน และทาจิกิสถาน ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรทางทหารที่นำโดยรัฐบาลมอสโก
แต่การที่รัสเซียกำลังทำสงครามอยู่ในยูเครน ทำให้มีช่องว่างให้มหาอำนาจชาติอื่นๆ สามารถเข้าถึงภูมิภาคนี้ได้
คาซัคสถานเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของรัสเซีย แต่ไม่ได้สนับสนุนการรุกรานยูเครน และให้คำมั่นที่จะบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรระหว่างประเทศต่อรัฐบาลมอสโก
ทั้งคาซัคสถานและอุซเบกิสถานต่างตั้งเป้าที่จะเปิดกว้างทางเศรษฐกิจมากขึ้น รวมไปถึงการสร้างสมดุลทางการทูต แม้ว่ารัสเซียจะยังคงเป็นพันธมิตรหลักของพวกเขาก็ตาม
ล่าสุด รัฐบาลมอสโกแสดงความเห็นอย่างเย็นชาต่อการเยือนของมาครง พร้อมเตือนฝรั่งเศสและประเทศสหภาพยุโรปอื่นๆ ว่าอย่า "ข่มขู่" ประเทศใดๆที่มีความสัมพันธ์กับรัสเซีย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาครง และเนทันยาฮู ปะทะกันหลังเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพถูกโจมตีในเลบานอน
กองทัพอิสราเอลโจมตีฐานที่ตั้งของกองกำลัง ‘หมวกสีฟ้า’ ในเลบานอนหลายครั้ง ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่ง