แอร์โดอันประกาศชัยชนะเหนือ "จักรวรรดินิยม" ครบรอบ 100 ปีของตุรเคีย

ผู้นำตุรเคียให้คำมั่นเนื่องในวันชาติว่าจะยืนหยัดต่อสู้กับกองกำลัง "จักรวรรดินิยม" ระหว่างพิธีเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของประเทศ ท่ามกลางเงาของสงครามที่ทวีความรุนแรงขึ้นของอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสในฉนวนกาซา

กองทัพอากาศตุรเคียบินเครื่องบิน F-16 เหนืออนุสรณ์สถาน Anitkabir ซึ่งเป็นสุสานของมุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก ผู้ก่อตั้งประเทศ ในระหว่างการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของสาธารณรัฐตุรเคีย ในกรุงอังการา เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม (Photo by Adem ALTAN / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม 2566 กล่าวว่า ประธานาธิบดีเรเจป ทายยิป แอร์โดอัน ของตุรเคีย เป็นประธานในพิธีเฉลิมฉลองเนื่องในวันชาติครบรอบ 100 ปี

พิธีถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมเวทีที่มีกิจกรรมตลอดทั้งวัน มีการเชิดชูเกียรติผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐแห่งนี้ และการประกาศความสำเร็จของพรรคการเมืองที่มีรากฐานมาจากศาสนาอิสลามของแอร์โดอัน ซึ่งบริหารประเทศตุรเคียมาตั้งแต่ปี 2545

"ประเทศของเราอยู่ในมือที่ปลอดภัย ขอพวกท่านจงพักผ่อนอย่างสันติ เราจะประสบความสำเร็จและได้รับชัยชนะ ไม่มีอำนาจจักรวรรดินิยมใดสามารถต้านทานได้" แอร์โดอันกล่าวหลังจากวางพวงมาลาที่หลุมศพของผู้บัญชาการทหารและรัฐบุรุษ 'มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก'

อตาเติร์กได้รับการยกย่องไปทั่วสังคมตุรเคียจากการขับไล่กองกำลังที่บุกรุกดินแดน และสร้างประเทศขึ้นใหม่จากซากปรักหักพังของจักรวรรดิออตโตมันที่ล่มสลายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 จนท้ายที่สุดประเทศแห่งนี้ก็กลายเป็นสมาชิกที่น่าภาคภูมิใจขององค์การนาโตที่นำโดยสหรัฐฯ และเป็นสัญญาณแห่งความหวังของประชาธิปไตยในตะวันออกกลาง

"ตุรเคียเป็นประเทศที่ช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีใคร ตั้งแต่คาบสมุทรบอลข่านไปจนถึงคอเคซัส จากปาเลสไตน์ไปจนถึงทุกที่ที่มีความต้องการ" แอร์โดอันกล่าวกับประชาชน และเสริมว่า การชุมนุมของชาวปาเลสไตน์ในอิสตันบูล เป็นส่วนหนึ่งของคำประกาศนี้

การปกป้องสิทธิชาวปาเลสไตน์ตลอดชีวิตของแอร์โดอัน ทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษทั่วทั้งโลกมุสลิม

และในประเด็นขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา แอร์โดกันกล่าวหารัฐบาลอิสราเอลว่าประพฤติตัวเหมือนอาชญากรสงคราม และพยายามกำจัดชาวปาเลสไตน์

คำกล่าวของเขากระตุ้นให้อิสราเอลประกาศถอนเจ้าหน้าที่ทางการทูตทั้งหมดออกจากตุรเคีย เพื่อทบทวนความสัมพันธ์ใหม่

อย่างไรก็ตาม จากผลการสำรวจของชาวตุรเคียพบว่ามีเพียง 11.3% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่าพวกเขา "สนับสนุนกลุ่มฮามาส" ในขณะที่มากกว่าครึ่งหนึ่งต้องการให้ตุรเคียวางตัวเป็นกลางหรือทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย.

เพิ่มเพื่อน