จีนเริ่มให้การต้อนรับตัวแทนจาก 130 ประเทศสำหรับการประชุมที่จะถูกบดบังด้วยเงาสงครามอิสราเอล-ฮามาสซึ่งรัฐบาลปักกิ่งเรียกร้องให้เพิ่มการกระทำที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาความรุนแรง
สื่อมวลชนเข้าร่วมงานแถลงข่าวการประชุม Belt and Road Forum ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม (Photo by Jade Gao / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม 2566 กล่าวว่า รัฐบาลจีนเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมใหญ่บีอาร์ไอที่จะมีตัวแทนจาก 130 ประเทศเข้าร่วม ท่ามกลางวิกฤตสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในฉนวกาซา
โครงการสายแถบและเส้นทาง หรือ Belt and Road Initiative (บีอาร์ไอ) ซึ่งถูกเปรียบว่าจะเป็นโครงการเส้นทางสายไหมแห่งศตวรรษที่ 21 ถือเป็นยุทธศาสตร์หลักของรัฐบาลปักกิ่งที่ต้องการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมขนส่งกับหลายประเทศ ครอบคลุมกว่า 80 ประเทศทั้งในทวีปเอเชีย, ยุโรป และแอฟริกา
ผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมสำคัญของจีนในครั้งนี้คือประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ซึ่งจะเป็นการเดินทางมายังจีนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มทำสงครามในยูเครน โดยคาดว่าเขาจะเดินทางถึงปักกิ่งในช่วงกลางคืน
บรรดาผู้นำจากหลายชาติเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่กรุงปักกิ่งเพื่อร่วมงานกาล่าดินเนอร์เนื่องในวาระครบรอบ 10 ปีของโครงการบีอาร์ไอ ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อการขยายอิทธิพลไปทั่วโลก
แม้จีนหวังว่าการประชุมดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมสถานะระหว่างประเทศ แต่สงครามที่กำลังคุกรุ่นระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสจะกลายเป็นไฮไลท์สำคัญบดบังเนื้อหาความสำเร็จที่รัฐบาลปักกิ่งต้องการนำเสนอ
หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ประณามการกระทำของอิสราเอลที่เกินขอบเขตการป้องกันตนเอง และเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการลงโทษแบบเหมารวมต่อประชาชน จากเหตุตอบโต้กลุ่มฮามาสด้วยการปิดล้อมและระดมยิงจรวดและปืนใหญ่ใส่ผู้คนในฉนวนกาซา
"อิสราเอลควรรับฟังเสียงเรียกร้องของประชาคมระหว่างประเทศอย่างจริงจัง และยุติการลงโทษแบบเหมารวมต่อประชาชนในฉนวนกาซา" หวัง อี้กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นคำแถลงที่รุนแรงที่สุดของจีนต่อความขัดแย้งจนถึงขณะนี้
จีนมีความสัมพันธ์อันดีกับอิหร่านซึ่งให้การสนับสนุนทั้งกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาและฮิซบุลเลาะห์ในเลบานอนที่ร่วมโจมตีอิสราเอล และจะส่งทูตพิเศษไจ่ จุน ไปเยือนตะวันออกกลางในสัปดาห์นี้เพื่อผลักดันการหยุดยิงและการเจรจาสันติภาพ
ในปีนี้ จีนเพิ่งทำตัวเป็นคนกลางในการประสานรอยร้าวระหว่างอดีตศัตรูในภูมิภาคอย่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย.