ฝรั่งเศสประกาศเตือนภัยระดับสูงและเตรียมประจำการทหาร 7,000 นายทั่วประเทศ หลังเกิดเหตุฆาตกรรมครู 1 คนและทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสอีก 3 คนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ด้วยฝีมือชายชาวเชเชน
ชาวเมืองวางดอกไม้ร่วมไว้อาลัยหน้าโรงเรียนมัธยมกัมเบตตา ในเมืองอาร์ราส ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม หนึ่งวันหลังการเสียชีวิตของครูรายหนึ่งที่โดนสังหารด้วยมีดโดยฝีมือชายชาวเชเชน (Photo by Denis Charlet / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566 กล่าวว่า เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดแทงคนเสียชีวิตและบาดเจ็บ ในเมืองอาร์ราสทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของประชากรชาวยิวและมุสลิมจำนวนมาก
ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยคือ โมฮัมเหม็ด โมกุชคอฟ ซึ่งร้องสรรเสริญเป็นภาษาอาหรับตลอดเวลาว่า "อัลเลาะห์ อักบัร!" (พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด)
เจ้าหน้าที่วิเคราะห์ว่า การก่อเหตุของชายชาวเชเชนรายนี้อาจเชื่อมโยงกับความรุนแรงที่กำลังดำเนินอยู่ในตะวันออกกลาง โดยประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ประณามเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็น "การก่อการร้ายของกลุ่มอิสลามิสต์" และทำการประกาศเตือนภัยระดับสูง พร้อมเตรียมประจำการทหาร 7,000 นาย จากหน่วยปฏิบัติการเซนทิเนล (Sentinelle) ภายในเย็นวันจันทร์นี้
เซนทิเนลเป็นปฏิบัติการทางทหารของฝรั่งเศสที่มีทหาร 10,000 นาย และตำรวจ 4,700 นายประจำการนับตั้งแต่ผลพวงของการโจมตีเมื่อเดือนมกราคม 2558 เพื่อปกป้องพื้นที่ต่างๆ ของประเทศที่ถือว่ามีความอ่อนไหวจากการก่อการร้าย
เหตุทำร้ายด้วยมีดเกิดขึ้นที่โรงเรียนมัธยมกัมเบตตา ในเมืองอาร์ราส โดยผู้เสียชีวิตเป็นครูสอนภาษาฝรั่งเศสที่ถูกแทงทั้งบริเวณคอและหน้าอก
ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คนได้แก่ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนที่ถูกแทงหลายครั้งและกำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด, ครูอีกคนหนึ่ง และพนักงานทำความสะอาด แต่ไม่มีนักเรียนในโรงเรียนได้รับบาดเจ็บ ตามการระบุของหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้าย
"โรงเรียนแห่งนี้ได้รับผลกระทบจากความป่าเถื่อนของการก่อการร้ายของกลุ่มอิสลามิสต์" มาครงกล่าวหลังเดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วยตัวเอง
มาครงกล่าวด้วยว่า มีความพยายามก่อเหตุแบบเดียวกันในภูมิภาคอื่น แต่ถูกขัดขวางโดยกองกำลังความมั่นคง ซึ่งเหตุดังกล่าวอ้างถึงการจับกุมชายหัวรุนแรงในกรุงปารีสที่พกพาอาวุธต้องห้าม
เจอรัลด์ ดาร์มาแน็ง รัฐมนตรีมหาดไทยฝรั่งเศส กล่าวในการแถลงว่า "มีความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลางกับเหตุการณ์ในเมืองอาร์ราส"
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสยกระดับการแจ้งเตือนสูงสุดทันที ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมความมั่นคงที่มีประธานาธิบดีมาครงเป็นประธานเมื่อวันศุกร์
อัยการแผนกต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติประกาศเริ่มเปิดการสอบสวน โดยนอกจากคนร้ายแล้ว สมาชิกหลายคนในครอบครัวของเขายังถูกจับกุมเพื่อจุดประสงค์ในการสอบสวนด้วยเช่นกัน
โมฮัมเหม็ด โมกุชคอฟ วัย 20 ปี มีพื้นเพมาจากภูมิภาคคอเคซัสตอนใต้ในรัสเซียที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม เขาอยู่ในทะเบียนระดับชาติของฝรั่งเศสที่รู้จักกันในชื่อ "Fiche S" ว่าเป็นภัยคุกคามความมั่นคง ตามแหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองภายในของฝรั่งเศส
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 เคยเกิดเหตุชาวเชเชนทำร้ายและตัดศีรษะครูคนหนึ่งใกล้กับโรงเรียนในย่านชานเมืองปารีส และเหตุดังกล่าวสร้างความกังวลให้หน่วยงานความมั่นคงว่า การก่อการร้ายด้วยการโจมตีโรงเรียนได้กลับมาเกิดอีกครั้งในบริบทของสถานการณ์โลกปัจจุบัน
ฝรั่งเศสเผชิญเหตุโจมตีหลายครั้งโดยกลุ่มอิสลามิสต์สุดโต่งนับตั้งแต่ปี 2558 รวมถึงการฆ่าตัวตายและการโจมตีด้วยปืนในเดือนพฤศจิกายนปี 2558 ซึ่งกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) โจมตีเป้าหมายในกรุงปารีส ทำให้มีผู้เสียชีวิต 130 ราย แม้สถานการณ์ค่อนข้างสงบในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่หน่วยงานความมั่นคงได้เตือนอยู่เสมอว่าภัยคุกคามยังคงมีอยู่
มาครงกล่าวในการปราศรัยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า สถานที่ทางศาสนาและวัฒนธรรม 582 แห่งในฝรั่งเศสได้รับการคุ้มครองจากตำรวจเพิ่มเติมภายหลังเกิดการโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอล และให้คำมั่นว่าชาวฝรั่งเศสจะ "ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่" และ "เป็นหนึ่งเดียวกัน"
เมื่อวันพฤหัสบดี รัฐมนตรีมหาดไทยได้สั่งห้ามการชุมนุมประท้วงที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในฝรั่งเศสจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม โดยอ้างว่าการชุมนุมดังกล่าว "มีแนวโน้มจะสร้างความวุ่นวายต่อความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ"
แต่ผู้คนหลายร้อยคนแสดงความขัดขืน พร้อมรวมตัวกันในกรุงปารีสและเมืองอื่นๆ ของฝรั่งเศส เพื่อแสดงการสนับสนุนชาวปาเลสไตน์และต่อต้านอิสราเอล จนทำให้ตำรวจในปารีสใช้แก๊สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ประท้วง และกล่าวว่าพวกเขาได้จับกุมผู้ประท้วงได้ 10 คนจากทั้งหมดประมาณ 3,000 คน.