ไต้ฝุ่นโคอินุคร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 1 ราย หลังเคลื่อนปกคลุมพื้นที่ตอนใต้สุดของไต้หวันและพัดถล่มเกาะด้วยลมที่แรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา เสาไฟหักโค่น ไฟฟ้าดับหลายแสนหลังคาเรือน
ถนนที่เต็มไปด้วยเสาไฟหักโค่นจากแรงลมของพายุไต้ฝุ่นโคอินุ ในเขตผิงตงทางตอนใต้ของไต้หวัน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม (Photo by Sean CHANG / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม 2566 กล่าวว่า พายุไต้ฝุ่นโคอินุพัดขึ้นฝั่งทางใต้สุดของเกาะไต้หวันในช่วงเช้าและอ่อนกำลังลงขณะเคลื่อนตัวเข้าสู่ช่องแคบไต้หวันก่อนเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (14.00 น. ตามเวลาประเทศไทย)
เจ้าหน้าที่กู้ภัยไต้หวันกล่าวว่า พบหญิงวัย 84 ปีเสียชีวิตในบ้านพักในเมืองไถจง หลังได้รับบาดเจ็บหนักจากเศษกระจกแตกเพราะแรงลมพายุ
สำนักงานพยากรณ์อากาศกลางรายงานว่า ลมพายุครั้งนี้มีความรุนแรงมากที่สุดเท่าที่ไต้หวันเคยเผชิญ ด้วยแรงลมกระโชกระดับ 342.72 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะที่โคอินุเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกสู่ปลายด้านใต้ของเกาะ
"ลมกระโชกสูงสุด 95.2 เมตรต่อวินาทีที่วัดได้บนเกาะออร์คิดเมื่อคืนนี้ ถือเป็นสถิติใหม่ในไต้หวัน" หน่วยงานพยากรณ์บอกกับเอเอฟพี
สื่อท้องถิ่นระบุว่า บ้านเรือนราว 2,400 หลังบนเกาะออร์คิด ไม่มีไฟฟ้าใช้ ขณะที่ห้องเรียนของโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งได้รับความเสียหายจากพายุลมแรงจนต้องปิดทำการ
มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 300 คนในเขตไถตงและผิงตงทางตอนใต้ โดยการบาดเจ็บบางส่วนมีสาเหตุมาจากต้นไม้ล้มทับ
บ้านเรือนทั่วไต้หวันเกือบ 330,000 หลังไม่มีไฟฟ้าใช้ชั่วคราว ขณะเจ้าหน้าที่เร่งฟื้นฟูให้กลับมาใช้ได้แล้วใน 70,000 ครัวเรือน คาดการณ์ว่าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วันกว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ เพราะต้องติดตั้งเสาไฟฟ้าใหม่หลายสิบต้น
เที่ยวบินระหว่างประเทศและในประเทศมากกว่า 200 เที่ยวบินถูกยกเลิก ขณะที่ประชาชนเกือบ 3,000 คนในพื้นที่เสี่ยงภัยตามภูเขาถูกอพยพเพื่อความปลอดภัย
คาดว่าโคอินุจะอ่อนกำลังลงในขณะที่เคลื่อนตัวไปทางน่านน้ำชายฝั่งมณฑลกวางตุ้งทางตะวันออกของจีน ตามรายงานของหอสังเกตการณ์สภาพอากาศในฮ่องกงที่อยู่ใกล้เคียง
ทั้งนี้ ไต้หวันเผชิญกับพายุโซนร้อนบ่อยครั้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เส้นทางของพายุโซนร้อนคาดเดาได้ยากขึ้น ขณะเดียวกันก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เกิดฝนตกหนัก, น้ำท่วมฉับพลัน และลมกระโชกแรง.