แผ่นดินไหวรุนแรงเขย่าโมร็อกโก ส่งผลให้ประชาชนหนีตายกลางดึก คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกิน 1,000 ราย
หญิงชาวโมร็อกโกยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวในเมืองมาราเกช เมื่อวันที่ 9 กันยายน โดยข้อมูลล่าสุดเผยว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,000 ราย (Photo by FADEL SENNA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 9 กันยายน 2566 กล่าวว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8 แม็กนิจูด บริเวณพื้นที่ภูเขาห่างจากจุดท่องเที่ยวยอดนิยมในมาราเกช 72 กิโลเมตร เมื่อเวลา 23.11 น. ของคืนวันศุกร์ ตามเวลาท้องถิ่น (05.11 น. ตามเวลาประเทศไทย ของวันเสาร์) ตามรายงานของสำนักสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐ (ยูเอสจีเอส)
นอกจากนี้ แรงสั่นสะเทือนรุนแรงยังส่งผลกระทบต่อเมืองชายฝั่งทะเลอย่างราบัต, คาซาบลังกา และเอสเซาอิราด้วยเช่นกัน
สื่อโมร็อกโกรายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประเทศนี้
ข้อมูลล่าสุดของกระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 1,037 ราย โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งอยู่ในจังหวัดอัล-ฮาอูซ และทารูดันท์ รวมทั้งจังหวัดอื่นๆ เช่น วาร์ซาเซต, ชิเชา, อาซิลาล, ยุสซูเฟีย, มาร์ราเกช, อากาดีร์ และคาซาบลังกา
กระทรวงฯ ยังระบุด้วยว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 329 ราย ในจำนวนนี้ 51 รายมีอาการสาหัส
แผ่นดินไหวช่วงกลางดึกสร้างความตระหนกและลำบากให้กับผู้ประสบภัย ที่ต้องอพยพหนีออกจากที่พักมาอยู่ตามท้องถนนตลอดคืน ประกอบกับเกิดภาวะอาคารทรุดตัวพังถล่มเป็นบริเวณกว้างในหลายพื้นที่ ทำให้ความเสียหายขยายตัว รวมทั้งตัวเลขผู้เสียชีวิต เนื่องจากความช่วยเหลือและกู้ภัยไม่ทันท่วงที
กระทรวงมหาดไทยประกาศระดมทรัพยากรที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อเข้าแทรกแซงและช่วยเหลือกู้ภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
ขณะที่ศูนย์ถ่ายเลือดประจำภูมิภาค ร้องขอให้ประชาชนช่วยมาบริจาคโลหิต เพื่อใช้รักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ
หน่วยงานซึ่งทำหน้าที่ประเมินเบื้องต้นเกี่ยวกับผลกระทบของแผ่นดินไหวได้ออกประกาศเตือนระดับสีแดงสำหรับความสูญเสียทางเศรษฐกิจ โดยระบุว่าความเสียหายอาจขยายตัวในวงกว้างและต่อเนื่อง
บรรดาผู้นำโลกร่วมแสดงความเสียใจกับภัยพิบัติของโมร็อกโก ทั้งประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย, ประเทศกลุ่มอาหรับ เช่น ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอียิปต์ ตลอดจนองค์การความร่วมมืออิสลาม ขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอลซึ่งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับโมร็อกโกในปี 2563 เสนอให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
แผ่นดินไหวครั้งนี้รู้สึกได้ถึงประเทศแอลจีเรียที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งหน่วยงานป้องกันพลเรือนแอลจีเรียระบุว่า ไม่ได้สร้างความเสียหายหรือผู้เสียชีวิตใดๆ.