สหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อเจ้าหน้าที่และกลุ่มชาวรัสเซีย ในสิ่งที่องค์กรสิทธิมนุษยชนเรียกว่าการบังคับโยกย้ายเด็กชาวยูเครนหลายพันคน นับตั้งแต่การรุกรานของกองกำลังรัสเซีย
เด็กยูเครนในพื้นที่สู้รบระหว่างกองกำลังรัสเซียและยูเครน (Photo by Sergei SUPINSKY / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม 2566 กล่าวว่า ลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเจ้าหน้าที่และกลุ่มชาวรัสเซีย ในระหว่างทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงฯ ซึ่งตรงกับวันประกาศอิสรภาพของยูเครน
"ความป่าเถื่อนโหดร้ายของรัสเซียยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้ และสหรัฐฯ จะไม่นิ่งเฉยต่อการก่ออาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติของรัฐบาลมอสโก" เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าว
สหรัฐฯ ระบุว่า กำลังบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรชาวรัสเซีย 11 ราย ซึ่งรวมถึงกรรมาธิการระดับภูมิภาคด้านสิทธิเด็กอีกจำนวนหนึ่ง โดยจะระงับการโยกย้ายทรัพย์สินใดๆที่มีในแผ่นดินสหรัฐฯ และประกาศให้การทำธุรกรรมใดๆต่อกลุ่มคนที่ถูกคว่ำบาตรดังกล่าวถือเป็นอาชญากรรม
การคว่ำบาตรดังกล่าวยังมุ่งเป้าไปที่ "ค่ายฤดูร้อนอาร์เท็ค" ในไครเมีย ซึ่งรัสเซียยึดมาจากยูเครนตั้งแต่ปี 2557 โดยศูนย์เด็กนานาชาติในทะเลดำแห่งนี้ดำเนินการกับเด็กในรูปแบบที่ไม่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และถูกกล่าวหาว่าเป็นค่ายล้างสมองเด็กในเชชเนีย
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่า จะจำกัดวีซ่าต่อชาวรัสเซีย 3 คนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับโยกย้ายเด็กในดินแดนยูเครนภายใต้การควบคุมของรัฐบาลมอสโก
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ในฐานะอาชญากรสงครามกรณีสั่งการให้พาตัวเด็กในยูเครนไปยังประเทศรัสเซียอย่างผิดกฏหมาย ซึ่งรัฐบาลมอสโกประณามข้อกล่าวหาดังกล่าวและบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรของตนเองต่ออัยการของศาลฯ เป็นการตอบโต้
ทั้งนี้ เด็กยูเครนมากกว่า 16,000 คนถูกนำตัวไปยังรัสเซียนับตั้งแต่เริ่มการสู้รบเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 ตามการระบุของรัฐบาลเคียฟ โดยมีข้อมูลว่าเด็กจำนวนมากถูกส่งไปอยู่ในสถานสงเคราะห์และบ้านอุปถัมภ์ พร้อมความพยายามล้างสมองเด็กเหล่านั้นให้ฝักใฝ่สหพันธรัฐรัสเซีย
แต่ฝั่งรัสเซียโต้ว่า พวกเขาได้ช่วยชีวิตเด็ก ๆ จากเขตสู้รบ และมีขั้นตอนรองรับเพื่อรอเวลาให้เด็กเหล่านั้นได้กลับไปอยู่กับครอบครัวอีกครั้ง
ขณะที่เจ้าหน้าที่และกลุ่มสิทธิของยูเครนกล่าวว่า รัสเซียได้พรากเด็กหลายพันคนจากครอบครัว รวมถึงเด็กทารก เพื่อนำไปล้างสมองพวกเขา และเด็กโตยังถูกนำไปฝึกสู้รบทางทหารอีกด้วย
"เจ้าหน้าที่รัสเซียอาจบอกว่า การโยกย้ายถิ่นฐานเด็กเป็นส่วนหนึ่งของ 'การอพยพตามหลักมนุษยธรรม' แต่นี่เป็นการบิดเบือนความเป็นจริงอย่างร้ายแรง และเป็นความพยายามที่ไร้ประโยชน์ที่จะพิสูจน์ความถูกต้องของสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล" เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กล่าวทิ้งท้าย.