พลเมืองทางตะวันตกของแคนาดาตะเกียกตะกายอพยพออกจากพื้นที่เมื่อวันเสาร์ เนื่องจากไฟป่าโหมกระหน่ำรุกล้ำพื้นที่เมืองใหญ่ 2 แห่ง ไฟป่าที่เกิดขึ้นในหลายจุดพร้อมกันทำให้ผู้คนหลายหมื่นคนต้องหลบออกจากถิ่นอาศัยภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน
ไฟป่าลุกไหม้บนเนินเขาในเมืองคีโลว์นาของรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม (Photo by Darren HULL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม 2566 กล่าวว่า ไฟป่าจุดใหม่ในรัฐบริติชโคลัมเบียและนอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์ของแคนาดา ถือเป็นไฟป่าครั้งล่าสุดในฤดูร้อนที่ลุกลามทั่วประเทศและทำให้พื้นที่หลายล้านเอเคอร์ถูกเผาวอด
ตามการประมาณการ ภายใน 48 ชั่วโมงที่ผ่านมามีการอพยพพลเมืองออกจากเยลโลว์ไนฟ์ เมืองหลวงของนอร์ทเวสต์เทร์ริทอรีส์ มากกว่า 19,000 คน จากจำนวนประชากรทั้งหมดประมาณ 20,000 คน หรือแทบจะทำให้กลายเป็นเมืองร้างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
กระแสลมได้พัดโหมไฟป่าไปทางเยลโลว์ไนฟ์ แต่ก็บรรเทาลงได้บ้างหลังเกิดฝนตกตลอดคืนวันเสาร์ ทำให้อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ไฟป่าที่ลุกลามกว่า 2,000 กิโลเมตรทางตอนใต้ในรัฐบริติชโคลัมเบีย ได้กินพื้นที่ใกล้คีโลว์นา เมืองที่มีประชากร 150,000 คนในหุบเขาโอคานากัน และเปลวไฟได้เผาทำลายทรัพย์สินหลายแห่งในเมืองดังกล่าว รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างเลค โอคานากัน รีสอร์ท (Lake Okanagan Resort)
ควันไฟที่หนาทึบทำให้ผู้คนในพื้นที่หายใจลำบาก จนทางการจำเป็นต้องอพยพกว่า 15,000 คน
การอพยพผู้คนหลักหมื่นในเวลาเดียวกัน สร้างความลำบากอย่างมากให้หน่วยบรรเทาสาธารณภัย แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางของนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด โดยส่วนใหญ่อพยพออกไปทางถนน และบางส่วนในพื้นที่วิกฤตหนักถูกอพยพทางอากาศ
ขณะที่หน่วยบรรเทาสาธารณภัยบางส่วนยังคงอยู่ในพื้นที่เพื่อสร้างแนวป้องกันไฟร่วมกับเครื่องบินทิ้งระเบิดน้ำ โดยมีทหารแคนาดาคอยให้การสนับสนุน
เช่นเดียวกับพื้นที่พรมแดนบางส่วนของสหรัฐอเมริกา ผู้คนหลายพันคนถูกบังคับให้ต้องหนีไฟป่าในรัฐวอชิงตัน และมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ราย ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น
ทั้งนี้ แคนาดากำลังประสบกับฤดูไฟป่าที่สร้างสถิติใหม่ โดยมีการประมาณการอย่างเป็นทางการว่าพื้นที่กว่า 34.6 ล้านเอเคอร์ (ประมาณ 87.5 ล้านไร่) ถูกเผาวอด ซึ่งเป็นปริมาณเกือบสองเท่าของสถิติเดิมที่บันทึกล่าสุด อีกทั้งยังมีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 ราย และการเผาไหม้ยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาในปริมาณมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน.