ครั้งหนึ่งเธอเคยได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งโดยบารัก โอบามา และเธอได้ตัดสินโทษผู้บุกรุก ก่อจลาจลในอาคารรัฐสภาอย่างหนัก ทาเนีย ชัตแคนคือประธานผู้พิพากษาในการพิจารณาคดีพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2020 ของโดนัลด์ ทรัมป์
นับเป็นการเผชิญหน้าอีกครั้งของคนรู้จักกัน แต่คำถามเดียวคือต่างฝ่ายต่างยินดีปรีดาหรือไม่ – ปลายปี 2021 ทาเนีย ชัตแคนและโดนัลด์ ทรัมป์เคยมีส่วนร่วมกันครั้งหนึ่ง ในตอนนั้นอดีตประธานาธิบดีพยายามขัดขวางไม่ให้รัฐสภาเข้าถึงเอกสารต่างๆ ในช่วงวันสุดท้ายของเขาในทำเนียบขาว เอกสารกว่า 700 หน้าที่ทรัมป์รู้ว่าเหตุใดเขาจึงไม่ปล่อยให้หลุดมือไป แต่ความพยายามของเขาก็ล้มเหลว
“ประธานาธิบดีไม่ใช่พระราชา และโจทก์ก็ไม่ใช่ประธานาธิบดี” ประธานผู้พิพากษาทาเนีย ชัตแคน ซึ่งได้ตำแหน่งจากการสุ่มเลือก ชี้แจงคำตัดสินของเธอในเวลานั้น ประโยคดังกล่าวยังติดหู และบางอดีตประธานาธิบดีอาจจะยังจำได้เมื่อมันเกี่ยวพันกับคำถามที่ว่า ทรัมป์สมรู้ร่วมคิดกับใครอีกหกคนในการล้มล้างผลเลือกตั้งในปี 2020 หรือไม่
สำหรับการพิจารณาคดีในศาลรัฐบาลกลางที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ทาเนีย ชัตแคตได้รับการสุ่มเลือกเป็นประธานผู้พิพากษาอีกครั้ง แม้ว่าโมซิลา อูปาดยายาจะทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาอ่านคำฟ้องความผิดทางอาญา 4 กระทง และแจ้งโทษจำคุกสูงสุดที่อาจเกิดขึ้นต่อทรัมป์เมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม แต่ชัตแคนก็เป็นประธานผู้พิพากษาในคดีนี้ และสันนิษฐานได้ว่า ทรัมป์ในฐานะจำเลยคงอยากเปลี่ยนผู้พิพากษาเป็นคนอื่น เพราะที่ผ่านมาชัตแคนก็ลงโทษผู้กระทำผิดในคดีก่อจลาจลที่อาคารรัฐสภาอย่างสาหัสมาแล้ว
ทาเนีย ชัตแคนเป็นใคร? – “สำหรับใครหลายคน ฉันจัดอยู่ในกลุ่มคนหลายประเภท ผู้อพยพ ผู้หญิงผิวดำ ผู้หญิงเอเชีย คุณสมบัติของฉันถูกวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ชัตแคตเขียนโปรไฟล์ของตนเองลงในเว็บไซต์แผนกยุติธรรมของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
ทาเนีย ชัตแคน ปัจจุบันอายุ 61 ปี เกิดที่เมืองคิงส์ตัน ประเทศจาไมกา เธอดิ้นรนบากบั่นด้วยตนเองมาโดยตลอด เริ่มแรกด้วยการเรียนเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ต่อมาผันตัวเองเป็นนักกฎหมาย ทำงานเบื้องต้นในฐานะทนายปกป้องสิทธิ์เป็นเวลาหลายปี “จนมีผิวที่หนาขึ้น” เธอเขียนบรรยายในโปรไฟล์
ชัตแคนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองและความหลากหลายตั้งแต่ช่วงต้น โดยสนับสนุนแคมเปญหาเสียงของวอลเทอร์ มอนเดล ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคดีโมแครตในปี 1984 ในปี 2009 เธอให้การสนับสนุนซอนเนีย โซโตมายอร์ ผู้พิพากษาเชื้อสายเปอร์โตริโก ให้เข้ารับตำแหน่งในศาลฎีกา
นอกจากนั้นเธอยังช่วยรณรงค์หาเสียงการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีให้กับบารัก โอบามาด้วย และในปี 2014 โอบามาก็สนับสนุนชัตแคนขึ้นเป็นผู้พิพากษาศาลแขวงในเขตโคลัมเบีย ซึ่งเธอได้รับการรับรองจากวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียง 95:0 ปี 2019 เธอขัดแย้งกับฝ่ายบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยไปขัดขวางแผนการของพวกเขาที่จะนำโทษประหารชีวิตกลับมาใช้ใหม่ในระดับรัฐบาลกลาง ครั้งนั้นชัตแคนช่วยให้นักโทษพ้นจากการถูกประหารชีวิต 4 คน
จึงเป็นไปได้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์น่าจะรู้สึกไม่เป็นสุขนักเมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับทาเนีย ชัตแคนอีกครั้ง ผู้พิพากษาซึ่งเคยตัดสินโทษหนักต่อผู้ก่อจลาจลในอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021
ตัวอย่างเช่น ในเดือนธันวาคม 2021 เธอตัดสินโทษจำคุกชายคนหนึ่งจากฟลอริดาเป็นเวลา 5 ปี จากการปาถังดับเพลิงใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งนับเป็นโทษสูงสุดในขณะนั้น หรือเมื่อปีที่แล้วเธอตัดสินให้ชายคนหนึ่งที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยแท่งเหล็ก ต้องโทษจำคุก 63 เดือน แม้ว่าอัยการจะร้องขอให้เหลือเพียง 60 เดือนก็ตาม
แต่ไม่ใช่แค่บทลงโทษเท่านั้น ชัตแคนยังชี้แจงเหตุผลของคำตัดสินด้วยมุมมองที่ชัดเจน ผู้ก่อการจลาจล “ทำให้ห้องโถงของอาคารรัฐสภาสกปรกและแปดเปื้อน อีกทั้งยังหมิ่นแคลนต่อหลักนิติธรรม” เธอเคยกล่าว ฝูงชนในวันนั้นนับเป็น “ภัยคุกคามอย่างแท้จริง” ต่อระบอบประชาธิปไตยของอเมริกา “พวกเขาเดินทางมาที่วอชิงตันเพราะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันที่ 6 มกราคม” การกระทำของจำเลยจึงถือเป็นการ “โจมตีคนอเมริกัน”.