สหรัฐอเมริกาวางแผนเพิ่มคลังอาวุธที่ร่อยหรอ ด้วยการสนับสนุนและช่วยเหลือออสเตรเลียให้พัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตและส่งออกขีปนาวุธ หลังลุล่วงการเจรจาระดับสูงระหว่างทั้งสองประเทศ
(จากซ้ายไปขวา) ริชาร์ด มาร์เลส รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย, เพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย, แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ และลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ เข้าร่วมการแถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลควีนส์แลนด์ในกรุงบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม (Photo by Pat Hoelscher / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 29 กรกฏาคม 2566 กล่าวว่า แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ และลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ เดินทางไปกรุงบริสเบน เพื่อหารือกับหน่วยงานต่างประเทศและกลาโหมของออสเตรเลีย ในประเด็นความร่วมมือครั้งใหม่ที่รัฐบาลวอชิงตันจะสนับสนุนและช่วยเหลือออสเตรเลียให้พัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตและส่งออกขีปนาวุธ
ภายหลังการเจรจาระดับสูงลุล่วง สองรัฐมนตรีของสหรัฐแถลงข่าวร่วมกับเพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศ และริชาร์ด มาร์เลส รัฐมนตรีกลาโหม โดยกล่าวว่า ออสเตรเลียจะเริ่มผลิตขีปนาวุธในอีก 2 ปีข้างหน้า พร้อมเสริมว่า โครงการความร่วมมือนี้จะช่วยส่งเสริมฐานด้านอุตสาหกรรมและกลาโหมให้กับประเทศ
โครงการดังกล่าวจะทำให้ออสเตรเลียสามารถพัฒนาระบบปล่อยจรวดหลายลำนำวิถี หรือที่เรียกว่า GMLRS ได้ด้วยตัวเอง
"เรายินดีเป็นอย่างยิ่งกับขั้นตอนการดำเนินงานในการจัดตั้งองค์กรอาวุธนำวิถีและวัตถุระเบิดในประเทศนี้" ริชาร์ด มาร์เลสกล่าว
รัฐบาลวอชิงตันจะทำงานร่วมกับออสเตรเลียเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมขีปนาวุธภายในประเทศที่กำลังเติบโต โดยมองว่าฐานการผลิตของออสเตรเลียจะเป็นท่อส่งอาวุธชั้นดีให้กับกองทัพสหรัฐ
สงครามในยูเครนได้สร้างความตึงเครียดอย่างหนักต่อห่วงโซ่อุปทานทางทหารในสหรัฐอเมริกา ทำให้คลังแสงขีปนาวุธและยุทโธปกรณ์อื่น ๆ หมดลงอย่างต่อเนื่อง
ขณะนี้ ออสเตรเลียกำลังดำเนินการยกเครื่องกองกำลังติดอาวุธของตนเอง โดยหันไปใช้ขีดความสามารถในการโจมตีระยะไกล ในความพยายามที่จะเอื้อมถึงประเทศที่อาจเป็นศัตรูในอนาคตได้ เช่น จีน
รัฐบาลแคนเบอร์รายังตกลงที่จะปรับปรุงฐานทัพทางทหารทางตอนเหนือที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยอนุญาตให้กองกำลังของสองชาติร่วมฝึกซ้อมและหมุนเวียนกำลังทหารสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในภูมิภาค.
