ศาลอุทธรณ์มาเลเซียพิพากษายืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำคุก 12 ปี นาจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานทุจริตกองทุนวันเอ็มดีบี ในคดีอื้อฉาวที่ทำให้รัฐบาลของเขาล่มสลายเมื่อปี 2561
เอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานเมื่อวันพุธที่ 8 ธันวาคม 2564 ว่า อับดุล คาริม อับดุล จาลิล ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ อ่านคำพิพากษาในนามคณะผู้พิพากษาทั้งหมด 3 คน ในคดีที่นาจิบ ราซัก ยื่นอุทธรณ์ ว่าเราปฏิเสธการอุทธรณ์ของนาจิบ และคณะผู้พิพากษามีมติเป็นเอกฉันท์พิพากษายืนตามคำตัดสินและบทลงโทษของศาลชั้นต้นตามความผิดทั้งหมด 7 ข้อหา โดยปฏิเสธข้อแก้ตัวของผู้อุทธรณ์ที่ระบุว่า การกระทำของเขาที่เกี่ยวข้องกับเอสอาร์ซีอินเตอร์เนชันแนล ทำไปเพื่อผลประโยชน์ของชาติ
"ไม่มีผลประโยชน์ของชาติในคดีนี้ มีแค่ความน่าละอายของชาติ" ผู้พิพากษาอับดุล คาริม กล่าวในศาลอุทธรณ์ที่กรุงปุตราจายาเมื่อวันพุธ
ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ระบุด้วยว่า จากหลักฐานแสดงให้เห็นว่า อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียวัย 68 ปี รู้หรือมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่า เงินจากกองทุน 1 เอ็มดีบีที่โอนเข้าบัญชีของเขา เป็นเงินที่ได้จากกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย แต่เขากลับไม่ได้ค้นหาต้นตอของเงินที่โอนเข้ามานี้
ศาลชั้นต้นของมาเลเซียตัดสินเมื่อปีที่แล้วว่า นาจิบกระทำความผิดจริงจากข้อหาทั้งหมด ซึ่งเป็นการไต่สวนคดีแรกจากหลายคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินจากกองทุนวันเอ็มดีบี ในคดีแรกที่ศาลตัดสินเกี่ยวข้องกับการโอนเงินจำนวน 42 ล้านริงกิต หรือราว 332.91 ล้านบาทจากเอสอาร์ซีอินเตอร์เนชันแนล หน่วยงานหนึ่งในกองทุน 1 เอ็มดีบีที่ปิดตัวไปแล้ว เข้าบัญชีธนาคารของนาจิบ
ศาลชั้นต้นมาเลเซียตัดสินจำคุกนาจิบ 12 ปี และปรับเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ฐานทำผิดหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย, การใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและฟอกเงิน เป็นการตัดสินคดีแรกในทั้งหมด 5 คดีที่นาจิบโดนฟ้องในข้อหาคอร์รัปชัน
อดีตนายกฯ ผู้นี้ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างยื่นอุทธรณ์คดี และผู้พิพากษาอับดุล คาริม ก็ยอมให้เขาได้รับการประกันตัวอีกครั้งตามที่นาจิบยื่นขอระหว่างรอการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุด.