รัสเซียประกาศว่าเรือบรรทุกสินค้าที่กำลังเดินทางไปยังท่าเรือยูเครนในทะเลดำ อาจถูกพิจารณาว่าบรรทุกสินค้าทางทหาร และไม่รับประกันความปลอดภัย หลังการยุติข้อตกลงส่งออกธัญพืช
แฟ้มภาพ เรือบรรทุกสินค้าที่บรรทุกธัญพืชและสินค้าเกษตรอื่นๆ ออกจากท่าเรือทะเลดำของยูเครน (Photo by Ozan KOSE / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 19 กรกฏาคม 2566 กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัสเซียหลังประกาศยุติข้อตกลงส่งออกธัญพืชยูเครนผ่านทะเลดำ กระทรวงกลาโหมระบุในแถลงการณ์ว่า "ตั้งแต่เวลา 00.00 น. ตามเวลารัสเซียของวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 (04.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) เรือทุกลำในทะเลดำที่แล่นไปยังท่าเรือยูเครนจะถูกพิจารณาว่าเป็นเรือบรรทุกสินค้าทางทหาร"
"รัฐที่เป็นเจ้าของเรือเหล่านี้จะถูกพิจารณาว่าเป็นพันธมิตรที่ร่วมวงโคจรความขัดแย้งในยูเครนไปโดยปริยาย" แถลงการณ์ของรัสเซียระบุ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเคียฟกล่าวว่าเตรียมพร้อมที่จะดำเนินการส่งออกธัญพืชผ่านท่าเรือทางตอนใต้ต่อไป แม้ว่ารัสเซียจะถอนตัวจากข้อตกลงที่อนุญาตให้ผ่านทะเลดำได้อย่างปลอดภัยก็ตาม
มิไคโล โปโดลยัก ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีกล่าวว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาการลาดตระเวนทางทหารร่วมกันในกลุ่มประเทศทะเลดำ
ซึ่งหนึ่งวันหลังจากรัฐบาลมอสโกล่วงรู้และออกคำเตือนถึง "ความเสี่ยง" ต่อการสร้างเส้นทางทะเลดำโดยปราศจากการมีส่วนร่วมของรัสเซีย จึงเป็นที่มาของคำขู่ล่าสุดที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นในวันพุธ
นอกจากนี้รัสเซียยังเตือนว่า พื้นที่บางส่วนทางตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ของน่านน้ำสากลในทะเลดำ ได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่อันตรายชั่วคราวสำหรับการผ่านเข้าออก และเรือที่จดทะเบียนกับบางประเทศ รวมทั้งรัฐเจ้าของธงติดเรือ ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับโดยไม่มีข้อยกเว้น
เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาลมอสโกกล่าวหายูเครนว่าใช้ทางเดินธัญพืชในทะเลดำเพื่อ "จุดประสงค์ในการสู้รบ" หลังจากที่รัสเซียถอนตัวจากข้อตกลง
จึงเป็นที่มาของการโจมตียูเครนครั้งใหม่ โดยกองทัพรัสเซียระบุในถ้อยแถลงว่า ได้โจมตีโรงงานอุตสาหกรรมทางทหาร, โครงสร้างพื้นฐานสำหรับเชื้อเพลิง และคลังกระสุนของกองทัพยูเครนใกล้กับเมืองโอเดสซา
แต่รัฐบาลเคียฟกล่าวว่าการโจมตีดังกล่าวได้ทำลายธัญพืช 60,000 ตันที่รอการส่งออก และหลังจากการถูกโจมตีในคืนที่สองรอบท่าเรือฯ ผู้นำยูเครนกล่าวหารัสเซียว่าจงใจกำหนดเป้าหมายไปที่โครงสร้างพื้นฐานการส่งออกธัญพืชและทำให้ประเทศที่อ่อนแอตกอยู่ในความเสี่ยงด้านอาหาร
ในขณะเดียวกันรัฐบาลเคียฟก็เรียกร้องให้ประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคทะเลดำเข้าแทรกแซงเพื่อรับประกันว่าเรือสินค้าจะผ่านได้อย่างปลอดภัย.
