หลังจากมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 39 รายเพราะเหตุน้ำท่วมและดินถล่มในช่วงมรสุม ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศว่าจะปรับเปลี่ยนยุทธวิธีรับมือสภาพอากาศเลวร้ายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งระบบ
ประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอล ของเกาหลีใต้ (คนกลาง) เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุดินถล่มในเมืองเยชอน เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม (Photo by YONHAP / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 17 กรกฏาคม 2566 กล่าวว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีใต้ประสบเหตุฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมและดินถล่มเป็นวงกว้างทั่วทั้งประเทศ, แม่น้ำต่าง ๆ เอ่อล้นตลิ่ง รวมไปถึงระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำและเขื่อนที่เกินขีดจำกัด จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตล่าสุดแล้ว 39 ราย
"เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วแบบนี้จะกลายเป็นเรื่องธรรมดา เราต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังเกิดขึ้นและหาวิธีจัดการกับมัน" ประธานาธิบดียุน ซ็อก-ยอล กล่าวเมื่อวันจันทร์ ก่อนการเยือนจังหวัดคยองซังเหนือซึ่งเป็นพื้นที่ประสบอุทกภัย
"ส่วนแนวคิดที่ว่าสภาพอากาศสุดขั้วที่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเพียงความผิดปกติชั่วครั้งชั่วคราวและไม่สามารถคาดเดาได้นั้น จำเป็นต้องได้รับการทบทวนและปรับปรุงใหม่ทั้งหมด" เขากล่าว พร้อมเรียกร้องให้ใช้ "ความมุ่งมั่นเป็นพิเศษ" เพื่อปรับปรุงความพร้อมและการตอบสนองต่อสถานการณ์ของประเทศ
"เกาหลีใต้จะระดมทรัพยากรที่มีอยู่ทั้งหมด รวมถึงทหารและตำรวจเพื่อช่วยเหลือในการกู้ภัย ท่ามกลางฤดูฝนที่ยังไม่สิ้นสุด และการคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักอีกครั้งในวันพรุ่งนี้" ยุน ซ็อก-ยอลกล่าว
หลังเกิดน้ำท่วมและดินถล่มตลอดสัปดาห์ กระทรวงมหาดไทยเกาหลีใต้รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 39 ราย และอีก 8 คนยังคงสูญหาย โดยจำนวนผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากจังหวัดคยองซังเหนือ และสาเหตุหลักมาจากการจมน้ำและดินถล่มทับบ้านเรือนซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขา
ตำรวจเกาหลีใต้จะเริ่มการสอบสวนเหตุน้ำท่วมร้ายแรงในอุโมงค์ทางลอดของเมืองชองจู จังหวัดชุงชองเหนือซึ่งอยู่ห่างจากกรุงโซลไปทางใต้ประมาณ 112 กิโลเมตร ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮัป
อุโมงค์ดังกล่าวถูกน้ำท่วมในเช้าวันเสาร์ หลังจากน้ำไหลเข้าท่วมอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่ยานพาหนะภายในจะหลบออกมาได้ทัน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยกังวลว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นขณะที่พวกเขาเร่งค้นหาในพื้นที่เกิดเหตุ
สำนักอุตุนิยมวิทยาเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าจะมีฝนตกหนักมากขึ้นจนถึงวันพุธ และขอให้ประชาชนงดเว้นจากการออกไปข้างนอก.