รัฐมนตรีต่างประเทศจากสหรัฐฯ, จีน และรัสเซียเข้าร่วมการประชุมด้านความมั่นคงกับรัฐมนตรีต่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างพร้อมหน้า โดยให้ความสนใจไปที่ข้อพิพาททะเลจีนใต้, สงครามยูเครน และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย (ซ้าย) พูดคุยกับปาร์ค จิน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ขณะที่แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ (นั่งขวาสุด) ปรากฏร่วมเฟรมเดียวกันอยู่ไม่ห่าง ก่อนเริ่มการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม (Photo by Adi WEDA / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กรกฏาคม 2566 กล่าวว่า การประชุมระดับภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Regional Forum - ARF) ซึ่งมีสมาชิก 27 ประเทศ จะเป็นเวทีให้ชาติมหาอำนาจได้หารือกันในประเด็นต่างๆ และปีนี้ก็มีแต่กรณีหนักหนาที่หาข้อสรุปลำบาก
เจ้าภาพอินโดนีเซียเตือนว่า เพื่อรักษาสถียรภาพในภูมิภาค สมาชิกประชาชาติอาเซียนต้องไม่ออกตัวเข้าข้างฝ่ายใด ทั้งในกรณีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนเกี่ยวกับไต้หวัน, ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลปักกิ่งกับรัฐบาลมอสโก และการแก่งแย่งแผ่อิทธิพลในแปซิฟิกใต้
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ, หวัง อี้ ตัวแทนรัฐมนตรีต่างประเทศจีน และเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย รวมถึงญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย ได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคง
การประชุมในวันศุกร์จะเป็นครั้งแรกระหว่างบลิงเคนและลาฟรอฟ นับตั้งแต่การเผชิญหน้าสั้น ๆ ในเดือนมีนาคมที่อินเดีย แต่คาดว่าจะไม่มีการเจรจาทวิภาคี เนื่องจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียยังคงดำเนินอยู่
อย่างไรก็ตาม หวัง อี้และบลิงเคนได้จัดการเจรจาหารือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบหลายเดือนเมื่อวันก่อนหน้า ตามเป้าหมายของรัฐบาลวอชิงตันและรัฐบาลปักกิ่งที่มุ่งรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันให้มั่นคง ซึ่งจีนคาดหวังให้สหรัฐฯ "ทำงานร่วมกันในทิศทางเดียวกัน" เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์และเรียกร้องให้หยุดแทรกแซงกิจการของจีน
หวัง อี้ ซึ่งมาแทนฉิน กัง รัฐมนตรีต่างประเทศ ก็ได้พบกับลาฟรอฟในวันพฤหัสบดีเช่นกัน และทั้งคู่ให้คำมั่นว่าจะกระชับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งในด้านการสื่อสารเชิงกลยุทธ์และความร่วมมือด้านต่างๆ ซึ่งรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียได้ให้สัมภาษณ์กับสื่ออินโดนีเซียก่อนหน้านี้ว่า สงครามในยูเครนจะไม่ยุติจนกว่าชาติตะวันตกจะล้มเลิกความพยายามในการ "เอาชนะ" รัสเซีย
ประเด็นสิทธิมนุษยชนถูกเพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย หยิบยกมาคุยกับกับหวัง อี้ และกล่าวว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพูดอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องนี้ พร้อมเรียกร้องให้เปิดเผยรายละเอียดข้อตกลงความร่วมมือด้านตำรวจที่เพิ่งลงนามร่วมกับหมู่เกาะโซโลมอน เพื่อความโปร่งใส
ในการประชุมระดับภูมิภาคอาเซียน เดิมทีเกาหลีเหนือได้รับเชิญให้เข้าร่วมด้วย แต่รัฐบาลเปียงยางปฏิเสธที่จะส่งรัฐมนตรีต่างประเทศไป แถมยังประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปที่ใช้เชื้อเพลิงแข็งชนิดใหม่ ทำให้ชาติตะวันตกเตรียมประณามกรณีดังกล่าวในที่ประชุม เช่นเดียวกับการกล่าวหาว่ารัฐบาลทหารเมียนมายังไม่หยุดโจมตีพลเรือน ทำให้วิกฤตของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหารยังคงดำเนินต่อไป
ในแถลงการณ์ร่วมที่ออกเมื่อวันพฤหัสบดี อาเซียนประณามความรุนแรงในเมียนมา และเรียกร้องให้นำแผนสันติภาพฉันทามติ 5 ประการที่ตกลงร่วมกับรัฐบาลทหารเมื่อ 2 ปีก่อนมาปฏิบัติ
จนถึงขณะนี้ ความพยายามของอาเซียนก็ยังไร้ผล โดยรัฐบาลทหารเมียนมายังคงเพิกเฉยต่อเสียงวิจารณ์จากนานาชาติและปฏิเสธที่จะประนีประนอมกับฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาด.