กลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์เคลื่อนพลถึงภูมิภาคลีเปตสค์ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงมอสโกไปทางใต้ราว 400 กิโลเมตร โดยมีเป้าหมายเดินทางไปยังมอสโกหลังประกาศกร้าวโค่นผู้นำทางทหารของรัสเซีย
หอคอยสปาตคายามองเห็นผ่านแผงกั้นเหล็กที่จัตุรัสแดงในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน โดยมีการติดตั้งระบบต่อต้านการก่อการร้ายไว้ทั่วเมือง เพื่อรับมือการบุกของกองกำลังทหารรับจ้างวากเนอร์ที่เคลื่อนพลใกล้เข้ามาเรื่อยๆ (Photo by Natalia KOLESNIKOVA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2566 กล่าวว่า กองกำลังทหารรับจ้างวากเนอร์เคลื่อนพลเข้าใกล้กรุงมอสโกทุกชั่วขณะ โดยปัจจุบันถูกพบเห็นในภูมิภาคลีเปตสค์แล้ว ตามรายงานของผู้ว่าการรัฐฯ
ภูมิภาคลีเปตสค์ของรัสเซียตั้งอยู่ทางตอนใต้ของกรุงมอสโก โดยมีระยะทางห่างราว 400 กิโลเมตร
เยฟกีนี ปริโกซิน หัวหน้ากลุ่มทหารวากเนอร์กล่าวว่า กองกำลังกว่า 25,000 คนของเขาได้เข้าควบคุมศูนย์บัญชาการทหารและฐานทัพอากาศในเมืองรอสตอฟ-นา-โดนูทางตอนใต้ได้แล้ว โดยมีเป้าหมายบุกให้ถึงเมืองหลวงเพื่อโค่นล้มผู้นำทางทหารระดับสูง (เซอร์เก ชอยกู) ของรัฐบาลมอสโก
"ขบวนทหารวากเนอร์กำลังเคลื่อนพลอยู่ในเขตแดนของภูมิภาคลีเปตสค์" อิกอร์ อาตาโมนอฟ ผู้ว่าการรัฐกล่าวผ่านเทเลแกรม
"ผมขอเตือนพลเมืองทุกคนให้อยู่แต่ในที่พักอาศัย และไม่ควรออกมาข้างนอกหรือเดินทางด้วยพาหนะทุกประเภท" ผู้ว่าการรัฐกล่าวเตือน แต่ไม่ได้ระบุตำแหน่งแน่ชัดของขบวนทหารวากเนอร์
ช่องทางสื่อสารทางโทรเลขในรัสเซียมีการแจ้งข่าวการพบเห็นทหารวากเนอร์ใกล้กับเมืองเยเลตส์ ในภูมิภาคลีเปตสค์ ห่างจากกรุงมอสโกไปทางใต้ประมาณ 390 กิโลเมตร
ทางการของภูมิภาคคาลูกาซึ่งอยู่ทางเหนือของภูมิภาคลีเปตสค์และจะเป็นทางผ่านไปยังกรุงมอสโก ได้ออกมาตรการจำกัดการเดินทางของพลเมืองเพื่อเตรียมรับมือเมื่อกองกำลังวากเนอร์เคลื่อนพลเข้ามา
"โปรดงดเว้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวบนถนนเหล่านี้ เว้นแต่จำเป็นจริงๆ" วลาดิสลาฟ แชปชา ผู้ว่าการรัฐกล่าวในถ้อยแถลงบนสื่อสังคมออนไลน์
ขณะที่กรุงมอสโกได้เตรียมติดตั้งระบบต่อต้านการก่อการร้ายไว้แล้ว
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ประกาศว่าจะลงโทษกลุ่มทหารกบฏทรยศเหล่านี้อย่างเด็ดขาด
หัวหน้ากลุ่มทหารวากเนอร์ตอกกลับผู้นำรัสเซียที่ดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนาน โดยกล่าวว่า ปูตินเข้าใจประเด็นผิดไปอย่างมากและยืนยันหนักแน่นว่าจะบุกโจมตีมอสโกให้ได้
นอกจากนี้ เขายังอวดอ้างด้วยว่ากองกำลังของเขาเข้าไปในรัสเซียและยึดครองอาคารของกองทัพในรอสตอฟ-นา-โดนูได้โดยไม่เสียกระสุนแม้แต่นัดเดียว ซึ่งหมายความว่าปฏิบัติการของเขาได้รับการสนับสนุนจากพลเมืองรัสเซียในพื้นที่.