ประธานาธิบดีรัสเซียกร้าว ไม่ยอมปล่อยให้ประเทศเข้าสู่สงครามกลางเมือง หลังจากหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ผันตัวเป็นปฏิปักษ์เข้ายึดกองบัญชาการกองทัพสำคัญที่ดูแลการศึกในยูเครน
กองกำลังวากเนอร์ลาดตระเวนในพื้นที่ด้วยรถถัง นอกอาคารในเมืองรอสตอฟ-นา-โดนู ทางตอนใต้ของรัสเซีย เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน หลังเยฟกีนี ปริโกซิน หัวหน้ากลุ่มฯประกาศยึดเมืองได้แล้ว (Photo by STRINGER / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2566 กล่าวว่า เยฟกีนี ปริโกซิน หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ ซึ่งเป็นกองกำลังพิเศษของรัสเซีย สั่งกองกำลังของตนหันปลายปืนสู้กลับ หลังอ้างว่าพวกตนถูกหักหลังและลอบกัดจากเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย
สถานการณ์ที่พลิกกลับอย่างรวดเร็วนี้ถือเป็นความท้าทายที่ร้ายแรงที่สุดต่อการปกครองอันยาวนานของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินและวิกฤตความมั่นคงที่ร้ายแรงที่สุดของรัสเซีย นับตั้งแต่เขาขึ้นสู่อำนาจในปลายปี 2542
ปริโกซินกล่าวว่ากองกำลังของเขาได้เข้าควบคุมศูนย์บัญชาการทหารและฐานทัพอากาศในเมืองรอสตอฟ-นา-โดนูทางตอนใต้ และสาบานว่าจะโค่นล้มผู้นำทางทหารระดับสูง (เซอร์เก ชอยกู) ของรัฐบาลมอสโก โดยมีเป้าหมายบุกให้ถึงเมืองหลวง
ในการกล่าวปราศรัยทางโทรทัศน์ ปูตินประณามอดีตพันธมิตรของเขาซึ่งใช้กองทัพส่วนตัวในการถล่มกลับรัสเซียอย่างเจ็บแสบ และถือเป็นการ "แทงข้างหลัง" ที่เป็นภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของรัสเซีย
"ความวุ่นวายภายในใด ๆ เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความเป็นรัฐของเราและประเทศชาติ นี่เป็นผลเสียหายต่อรัสเซียและต่อประชาชน" ปูตินกล่าว
"ชะตากรรมของประชาชนของเรากำลังถูกสั่นคลอน เราจึงจำเป็นต้องรวมพลังทั้งหมดเข้าด้วยกัน"
"สิ่งที่เราเผชิญคือการหักหลังอย่างแน่นอน ความทะเยอทะยานและผลประโยชน์ส่วนตัวนำไปสู่การทรยศ” ปูตินกล่าวโดยอ้างถึงปริโกซิน ซึ่งเป็นผู้รับจ้างทำการรบให้กับรัฐบาลมอสโกและมีกองกำลังทหารส่วนตัวที่ทรงพลัง
"ทุกคนที่รู้ตัวว่ายืนอยู่บนเส้นทางแห่งการทรยศ ผู้ซึ่งเตรียมการกบฏด้วยอาวุธ, ยืนอยู่บนเส้นทางของการแบล็กเมล์และการก่อการร้าย จะต้องถูกลงโทษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งต่อหน้ากฎหมายและต่อหน้าประชาชนของเรา" ปูตินให้คำมั่น
คำปราศรัยของประธานาธิบดีรัสเซียเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ปริโกซินโพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพของเขาเอง ซึ่งเห็นได้ชัดว่าถูกถ่ายในรอสตอฟ-นา-โดนู โดยกล่าวหาว่าผู้นำกองทัพรัสเซียทรยศและล้มเหลวในการสู้รบกับกองกำลังยูเครนที่กำลังดำเนินอยู่
"ดินแดนจำนวนมากสูญเสียไป ทหารเสียชีวิต 3-4 เท่าของที่กล่าวไว้ในเอกสารที่ปรากฏด้านบน" เขากล่าวหาผู้บัญชาการทหารว่าปกปิดการสูญเสียที่แท้จริงของรัสเซียในยูเครน
"สถานที่ทางทหารในรอสตอฟ รวมถึงสนามบิน อยู่ภายใต้การควบคุมของเราแล้ว" เขากล่าว
"เรากำลังจะตายเพื่อชาวรัสเซีย พวกเราทุกคนพร้อมที่จะตายทั้งหมด 25,000 คน และ 25,000 คนนี้ก็พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางทางเราเช่นกัน" หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ประกาศกร้าว
ทั้งนี้ กองบัญชาการกองทัพของรัสเซียในรอสตอฟ-นา-โดนู เป็นฐานส่งกำลังบำรุงที่สำคัญสำหรับการโจมตีในยูเครน
วิดีโอและรูปภาพที่โพสต์ทางออนไลน์และสำนักข่าวของรัฐ แสดงให้เห็นชายติดอาวุธรายล้อมอาคารในเมืองรอสตอฟ และเคลื่อนรถถังเข้าสู่ใจกลางเมือง แต่ยังไม่ชัดเจนว่ากลุ่มติดอาวุธดังกล่าวคือวากเนอร์หรือไม่
นายกเทศมนตรีกรุงมอสโกประกาศว่า จะมีการใช้มาตรการ "ต่อต้านการก่อการร้าย" ในเมืองหลวงและบริเวณโดยรอบ รวมทั้งเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดขึ้นในหลายภูมิภาค
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเรียกร้องให้เหล่านักรบแห่งกองกำลังวากเนอร์พิจารณาให้ถี่ถ้วนและเลิกทำตามคำสั่งของปริโกซิน โดยระบุว่าจะ "รับประกันความปลอดภัย" ให้กับผู้ที่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง
ด้านอัยการสูงสุดของรัสเซียเองก็ออกมาแจ้งแก่ปูตินว่า ฝ่ายตุลาการเตรียมดำเนินคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับความพยายามที่จะก่อการจลาจลด้วยอาวุธไว้รองรับแล้วเช่นกัน
ก่อนการก่อจลาจล ปริโกซินกล่าวหารัฐบาลมอสโกว่ายิงขีปนาวุธสังหารกองกำลังของเขา จนเกิดการสูญเสียนักรบจำนวนมาก จึงต้องตอบโต้แก้แค้น พร้อมเตือนชาวรัสเซียไม่ให้ต่อต้านกองกำลังของเขาและเรียกร้องให้เข้าร่วมสู้ไปด้วยกัน
"เราต้องยุติความยุ่งเหยิงนี้" ปริโกซินกล่าว และเสริมว่า "นี่ไม่ใช่การก่อกบฏโดยทหาร แต่เป็นการเดินขบวนเพื่อความยุติธรรม"
ทั้งนี้ ปริโกซินนำกองกำลังของเขาต่อสู้ในยูเครนในฐานะแนวหน้าการรุกของรัสเซีย แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กองกำลังดังกล่าวมีความบาดหมางสะสมกับผู้นำทางทหารของรัฐบาลมอสโก ซึ่งปริโกซินกล่าวโทษหลายครั้งต่อเซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหม และวาเลรี เกราซิมอฟ เสนาธิการใหญ่กองทัพรัสเซีย ว่าเป็นต้นเหตุการเสียชีวิตของนักรบกองกำลังวากเนอร์.