ประธานาธิบดีบราซิลปฏิเสธคำเชิญให้เดินทางไปเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ระหว่างคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล (Photo by NELSON ALMEIDA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม 2566 กล่าวว่า ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล มีโอกาสได้ต่อสายคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเมื่อวันศุกร์ และได้รับเชิญให้เดินทางเยือนเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่ตัวเขาปฏิเสธคำเชิญนั้น
"ผมรู้สึกขอบคุณ (ปูติน) สำหรับคำเชิญให้เข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถไปรัสเซียได้ในเวลานี้" ผู้นำบราซิลเขียนถึงประเด็นดังกล่าวบนทวิตเตอร์ โดยการประชุมนั้นมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14-17 มิถุนายน
"แต่ผมย้ำจุดยืนว่า บราซิลพร้อมเคียงข้างกับอินเดีย, อินโดนีเซีย และจีน ในการพูดคุยกับทั้งสองฝ่ายเพื่อแสวงหาสันติภาพ" ลูลา ดา ซิลวาทิ้งท้ายโดยการกล่าวถึงประด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
การปฏิเสธคำเชิญเยือนรัสเซียเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากการทะเลาะวิวาทระหว่างผู้นำบราซิลกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ในการประชุมสุดยอด จี7 ที่ญี่ปุ่น ซึ่งแผนการประชุมระหว่างทั้งคู่ล้มเหลว
ยูเครนอยู่ในภาวะสงครามกับเพื่อนบ้านที่มีขนาดใหญ่กว่ามากอย่างรัสเซีย มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2565
ในขณะที่ประเทศตะวันตกหลายประเทศส่งอาวุธไปยังยูเครนเพื่อใช้ในการป้องกันตนเองและรุมรัฐบาลมอสโกด้วยการคว่ำบาตรทางการเงิน แต่ผู้นำบราซิลกลับพยายามวางตำแหน่งตัวเองในฐานะผู้ไกล่เกลี่ย และพยายามรวมกลุ่มประเทศที่ต้องการแก้ไขความขัดแย้งดังกล่าวด้วยการเจรจาข้อตกลงสันติภาพ
หลังจากการประชุมนอกรอบของบราซิลและยูเครนไม่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น ลูลา ดา ซิลวากล่าวว่าเขา "หัวเสียอย่างมาก" ที่เซเลนสกีไม่จัดเวลาให้บราซิลได้ประชุมหารือทวิภาคีแบบที่ผู้นำชาติอื่นๆได้รับ เขาจึงไม่ต้องการหารือเรื่องการเจรจาข้อตกลงสันติภาพกับเซเลนสกีอีกแล้ว โดยกล่าวว่าทั้งยูเครนและรัสเซียดูเหมือนจะไม่ต้องการสันติภาพ เพราะทั้งสองชาติคงมุ่งมั่นที่จะสู้รบต่อไปและต่างฝ่ายต่างมั่นใจว่าจะชนะในสงครามครั้งนี้.