ผู้นำจี7 เยือนอนุสรณ์สถานฮิโรชิมา ก่อนประกาศคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย

ภายใต้ท้องฟ้าสีครามและสายฝนโปรยปราย บรรดาผู้นำของประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกรวมตัวกันที่เมืองฮิโรชิมาเพื่อร่วมรำลึกถึงความน่าสะพรึงกลัวของอาวุธนิวเคลียร์ ก่อนประกาศคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย

(จากซ้ายไปขวา) ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป, นายกรัฐมนตรีจอร์เจีย เมโลนี ของอิตาลี, นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา, ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส, นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น, ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา, นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนี, นายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค ของอังกฤษ และเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ถ่ายภาพร่วมกันหลังจากวางพวงมาลาระหว่างการเยี่ยมชมสวนอนุสรณ์สันติภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสุดยอดผู้นำจี7 ในเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม (Photo by JAPAN POOL / JIJI PRESS / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2566 กล่าวว่า บรรดาผู้นำกลุ่ม จี7 เดินทางถึงฮิโรชมา และได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ซึ่งมีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองแห่งนี้

ผู้นำญี่ปุ่นต้องการใช้เมืองที่เคยโดนถล่มด้วยอาวุธนิวเคลียร์แห่งนี้ เป็นการนำสู่วาระการประชุมเพื่อลดการสะสมอาวุธดังกล่าวในขณะที่กลุ่มผู้นำจะจัดการเจรจาเป็นเวลา 3 วัน

ภายหลังเสร็จสิ้นการวางพวงมาลาที่อนุสรณ์สถาน บรรดาผู้นำได้เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิมา ซึ่งมีหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับความหายนะและความทุกข์ทรมานที่เกิดจากการโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2488

สื่อต่างๆ ถูกกันไม่ให้เข้าไปในพิพิธภัณฑ์ ท่ามกลางการคาดเดาว่าบรรดาผู้นำจะเข้าชมเฉพาะปีกตะวันออกของอาคารซึ่งอธิบายถึงอันตรายของสงครามนิวเคลียร์ หรืออาจผ่านไปยังอาคารหลักซึ่งมีภาพถ่ายที่น่าสยดสยองและสะเทือนใจของเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บ

เมื่อสิ้นสุดการเยี่ยมชมซึ่งใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มีพิธีกลุ่มเพื่อปลูกต้นซากุระที่ขยายพันธุ์จากต้นไม้ที่รอดจากระเบิดปรมาณู

กระทรวงต่างประเทศของญี่ปุ่นกล่าวว่าการเยือนของบรรดาผู้นำ "จะทำให้เข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความเป็นจริงของการทิ้งระเบิดปรมาณู"

ผู้นำญี่ปุ่นหวังอย่างยิ่งว่าประเทศมหาอำนาจผู้สะสมอาวุธนิวเคลียร์อย่างอังกฤษ, ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ จะตระหนักและให้ความร่วมมือในการลดอาวุธดังกล่าว ไม่นับรวมรัสเซียที่ขู่จะใช้นิวเคลียร์ในการทำสงคราม, จีนที่กำลังเพิ่มคลังอาวุธของตนเอง และเกาหลีเหนือที่แสดงตนว่าเป็นรัฐนิวเคลียร์ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้และเดินหน้าทดสอบอาวุธใหม่ต่อไป

ในการประชุมเมื่อวันศุกร์ ผู้นำจากกลุ่มมหาอำนาจอันได้แก่ อังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, แคนาดา, เยอรมนี, ฝรั่งเศส อิตาลี และสหภาพยุโรป ต่างเห็นพ้องกับมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่พวกเขากล่าวว่า "จะจำกัดการเข้าถึงเศรษฐกิจในประเทศกลุ่มผู้นำอุตสาหกรรมของรัสเซียเพิ่มเติม และมุ่งเป้าทำให้รัสเซียขาดแคลนเทคโนโลยีล้ำสมัยของกลุ่มประเทศจี7 รวมถึงอุปกรณ์ทางอุตสาหกรรมและบริการที่สนับสนุนเครื่องจักรสงคราม

นอกจากนี้ พวกเขาเสริมว่า จะเพิ่มความพยายามในการป้องกันการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรที่มีอยู่ รวมถึงการกำหนดเป้าหมายหน่วยงานที่ขนส่งวัสดุไปยังแนวหน้าของการสู้รบ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ และชาติสมาชิกอื่นๆ ประกาศมาตรการใหม่ของตนเอง โดยเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของรัฐบาลวอชิงตันระบุว่า หน่วยงานของรัสเซียและประเทศอื่นๆอีก 70 แห่งจะถูกขึ้นบัญชีดำของสหรัฐฯ

ในขณะเดียวกัน อังกฤษก็พุ่งเป้าไปที่การค้าเพชรมูลค่า 4-5 พันล้านดอลลาร์ต่อปีของรัสเซีย โดยประกาศห้ามนำเข้าอัญมณี รวมถึงทองแดง, อะลูมิเนียม และนิกเกิล

แถลงการณ์ของจี7 ยังให้คำมั่นที่จะจำกัดการค้าและการใช้เพชรที่ขุด, แปรรูป หรือผลิตในรัสเซีย รวมถึงการใช้เทคโนโลยีการติดตาม

ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างเบลเยียมเป็นหนึ่งในผู้ซื้อขายส่งเพชรรัสเซียรายใหญ่ที่สุด เช่นเดียวกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอินเดีย.

เพิ่มเพื่อน