ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ต่อสายหาประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน และพูดคุยกันนานเกือบชั่วโมง เพื่อหาทางออกกรณีความขัดแย้งกับรัสเซีย
หยู จุน รองผู้อำนวยการกรมยูเรเซียของกระทรวงต่างประเทศจีน (ซ้าย) และหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน และประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ที่กระทรวงการต่างประเทศในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 26 เมษายน (Photo by GREG BAKER / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 26 เมษายน 2566 กล่าวว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ได้ต่อสายโทรศัพท์หาประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน เพื่อพูดคุยหาทางออกประเด็นความขัดแย้งในการสู้รบกับรัสเซีย
ผู้นำยูเครนได้แจ้งข่าวนี้ด้วยตัวเองผ่านทางทวิตเตอร์ กล่าวว่า "ผมได้คุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงอย่างยาวนานและมีความหมาย และผมเชื่อว่าการโทรหาครั้งนี้ รวมทั้งการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศจีน จะเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ในการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีของสองประเทศ" โดยฝั่งรัฐบาลยูเครนให้ข้อมูลว่า สองผู้นำสนทนากันนานเกือบ 1 ชั่วโมง
สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของจีนรายงานว่า บทสนทนาของสีจิ้นผิงในระหว่างที่คุยโทรศัพท์ มีประโยคหนึ่งที่กล่าวว่า "การพูดคุยและการเจรจาเป็นทางออกเดียวที่จะยุติสงคราม"
"ในประเด็นวิกฤตยูเครน จีนยืนหยัดอยู่เคียงข้างสันติภาพมาโดยตลอด และจุดยืนหลักคือส่งเสริมการเจรจาสันติภาพ จีนจะไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และจะไม่ฉวยโอกาสหาประโยชน์จากวิกฤตสงคราม" สีจิ้นผิงกล่าวไว้ ตามรายงานของซีซีทีวี
รัฐบาลปักกิ่งวางตัวเป็นกลางในความขัดแย้งมาตั้งแต่ต้น และสีจิ้นผิงไม่เคยประณามการรุกรานของรัสเซียเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ทั้งนี้ ผู้นำยูเครนแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขายินดีเปิดใจพูดคุยกับสีจิ้นผิง และได้แสดงความจำนงไปยังรัฐบาลปักกิ่งแล้ว แต่ยังคงไม่ได้รับการตอบรับใดๆ ทั้งๆที่ผู้นำจีนใช้โอกาสพูดคุยกับปูตินตั้งหลายครั้ง จนในที่สุดผู้นำจีนก็ได้โทรศัพท์มาคุยกับผู้นำยูเครน
เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลปักกิ่งเปิดเผยเอกสารแสดงจุดยืน 12 ประการเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน และเรียกร้องให้มีการเจรจาข้อตกลงทางการเมือง และเคารพอธิปไตยในดินแดนของทุกประเทศ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ดังกล่าว
เอกสารดังกล่าวบรรยายว่าจีนเป็นฝ่ายที่เป็นกลางและเรียกร้องให้ทั้งยูเครนและรัสเซียเข้าสู่การเจรจาสันติภาพ โดยระบุว่า การเจรจาเป็นทางออกเดียวที่ใช้แก้ไขความขัดแย้งได้
รัฐบาลปักกิ่งยังกล่าวอีกด้วยว่าจะส่งคณะผู้แทนและ "ผู้แทนพิเศษ" ของรัฐบาลไปยังยูเครน โดยมีจุดประสงค์เพื่อหาข้อยุติต่อความขัดแย้ง.
