ผู้อพยพกว่า 150 คน รวมทั้งนักการทูตและเจ้าหน้าที่ต่างประเทศ ได้รับการช่วยเหลือจากซูดานและเดินทางถึงเมืองเจดดาห์อย่างปลอดภัย ถือเป็นชาติแรกที่ประสบความสำเร็จในการอพยพพลเมืองของตนออกจากสงครามกลางเมืองที่กำลังดุเดือดได้
ทหารของซาอุดิอาระเบียกำลังแจกจ่ายช็อกโกแลตและดอกไม้ให้กับพลเมืองชาวซาอุดีอาระเบียและผู้อพยพชาติอื่นๆ หลังเดินทางจากซูดานมาถึงเมืองเจดดาห์อย่างปลอดภัยด้วยเรือรบของกองทัพ เมื่อวันที่ 22 เมษายน (Photo by SPA / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน 2566 กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศซาอุดิอาระเบียระบุถึงความสำเร็จในการอพยพพลเรือนของตนออกจากซูดานได้เรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่การปะทะในสงครามกลางเมืองเริ่มต้นขึ้น
การอพยพดังกล่าวดำเนินการโดยกองทัพเรือของราชอาณาจักรฯ และได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังทุกภาคส่วน
กระทรวงการต่างประเทศประกาศ "การมาถึงอย่างปลอดภัย" ของชาวซาอุดิอาระเบียจำนวน 91 คน และผู้อพยพสัญชาติอื่นๆอีก 66 คนจาก 12 ประเทศ ได้แก่ คูเวต, กาตาร์, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อียิปต์, ตูนิเซีย, ปากีสถาน, อินเดีย, บัลแกเรีย, บังกลาเทศ ฟิลิปปินส์, แคนาดา และบูร์กินาฟาโซ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักการทูตและเจ้าหน้าที่ระหว่างประเทศ
"ซาอุดิอาระเบียจะให้ความช่วยเหลือและจัดหาสิ่งที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับผู้อพยพชาวต่างชาติ ก่อนออกเดินทางต่อไปยังประเทศของแต่ละคน" ถ้อยแถลงของกระทรวงฯระบุเพิ่มเติม
เรือรบที่บรรทุกผู้อพยพได้เข้าจอดเทียบท่าเรือเจดดาห์เมื่อวันเสาร์ โดยมีเจ้าหน้าที่และทหารของซาอุดิอาระเบียให้การต้อนรับผู้อพยพ พร้อมแจกขนมเนื่องในโอกาสวันสิ้นสุดเดือนรอมฎอน
ในกลุ่มผู้อพยพกลับประเทศ มีทั้งผู้หญิงและเด็ก รวมถึงชาวซาอุดิอาระเบียที่ได้รับบาดเจ็บจากผลพวงของการปะทะกันในซูดาน
การอพยพพลเรือนต่างชาติออกจากภาวะสงครามรุนแรงในซูดานนั้นเป็นไปได้ยากมากเพราะเสี่ยงกับความปลอดภัย และช่องทางการอพยพถูกปิด เนื่องจากการปิดสนามบินในกรุงคาร์ทูม
ซาอุดิอาระเบียจึงอพยพพลเรือนของตนผ่านท่าเรือของซูดานที่มีเรือรบของกองทัพฯมารอรับอยู่แล้ว ก่อนเดินทางต่อมายังปลายทางเมืองเจดดาห์ ถือเป็นชาติแรกที่อพยพสำเร็จ ในขณะที่รัฐบาลประเทศอื่นๆยังกังวลในความเสี่ยงและใช้วิธีอพยพทางอากาศเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ นายพลอับเดล ฟัตตาห์ อัลบุรฮาน ผู้บัญชาการกองทัพซูดาน ได้รับโทรศัพท์จากผู้นำของหลายประเทศให้อำนวยความสะดวกและรับประกันความปลอดภัยสำหรับการอพยพประชาชนและภารกิจทางการทูต
มีรายงานข่าวระบุว่า การอพยพคาดว่าจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า โดยสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส และจีนกำลังวางแผนที่จะอพยพพลเรือนของของตนออกจากกรุงคาร์ทูมโดยใช้เครื่องบินรบ
การปะทะกันของกองกำลังสองฝ่าย ได้แก่ นายพลอับเดล ฟัตตาห์ อัลบุรฮาน ผู้บัญชาการกองทัพซูดาน กับนายพลโมฮัมเหม็ด ฮัมดัน ดากาโล รองผู้บัญชาการกองทัพและเป็นผู้บัญชาการกองกำลังกึ่งทหาร ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนในกรุงคาร์ทูม ก่อนทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 300 ราย และบาดเจ็บอีกหลายพันคน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
องค์กรสิทธิมนุษยชนรายงานการข่มขืนหมู่ในเมืองหลวงคาร์ทูมของซูดาน
สงครามระหว่างนายพลในซูดานยืดเยื้อมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว ขณะนี้องค์กร Human Rights Watch ได้บันทึกข้อมูล
นายกฯ เกาะติดอพยพคนไทยจากซูดาน
โฆษกรัฐบาลรายงานความคืบหน้าสถานการณ์อพยพคนไทยในซูดาน นายกฯ สั่งการ ให้ดูแลอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยคนไทยทุกคน