ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนคนสำคัญของจีน 2 คน รวมถึงคนหนึ่งที่เรียกร้องให้ผู้นำสี จิ้นผิงลาออก ถูกศาลตัดสินความผิด จำคุกนานกว่า 10 ปี
ศาลขั้นกลางลำดับ 1 ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน (Photo by GOH CHAI HIN / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2566 กล่าวว่า สือ จียงและติ้ง เจียสี ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนคนสำคัญของจีน ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐาน "โค่นล้มอำนาจรัฐ" หลังการพิจารณาคดีแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
ทั้งคู่เป็นบุคคลสำคัญในขบวนการพลเมืองใหม่ ซึ่งเป็นกลุ่มสิทธิพลเมืองที่เรียกร้องให้มีการปฏิรูปรัฐธรรมนูญและวิพากษ์วิจารณ์การทุจริตของรัฐบาล
สือ จียง ซึ่งเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงก้าวลงจากตำแหน่งเนื่องด้วยความล้มเหลวในการจัดการกับการระบาดใหญ่ของโรคโควิด ถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 14 ปี ขณะที่ติ้ง เจียสี ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 12 ปี และถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 3 ปี หลังจากการพิจารณาคดีแบบปิดในมณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน ตามรายงานของกลุ่มผู้สนับสนุนสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรตส์วอตช์
นักวิชาการสิทธิมนุษยชนกล่าวว่า เสรีภาพของพลเมืองและเสรีภาพในการแสดงออกยิ่งลดลงไปอีกภายใต้การดำรงตำแหน่งยาวนานกว่าทศวรรษของสี จิ้นผิง
"การพิจารณาคดีของสือ จียงและติ้ง เจียสีนั้น เต็มไปด้วยปัญหาด้านกระบวนการและข้อกล่าวหาเรื่องการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งการตัดสินโทษอย่างโหดร้ายกับคนทั้งสองสะท้อนให้เห็นว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิงแสดงความเป็นศัตรูต่อการเคลื่อนไหวอย่างสันติของพลเมือง" หวัง หยาฉือ นักวิชาการจากฮิวแมนไรตส์วอตช์กล่าว
ติ้ง เจียสี ถูกตำรวจควบคุมตัวในเดือนธันวาคม 2562 หลังจากเข้าร่วมการประชุมลับที่เกี่ยวข้องกับนักเคลื่อนไหวและทนายความด้านสิทธิมนุษยชน ในมณฑลฝูเจี้ยนทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน และมีความกังวลจากหลายฝ่ายว่าเขาอาจถูกทรมานระหว่างถูกคุมขัง
ด้านสือ จียง อดีตอาจารย์สอนกฎหมายถูกควบคุมตัวในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 หลังจากเผยแพร่บล็อกโพสต์หลายชุดที่ตำหนิสี จิ้นผิง จากความล้มเหลวในการรับมือวิกฤตโควิด และการประท้วงในฮ่องกง ซึ่งก่อนหน้านี้สือ จียงเคยรับโทษจำคุก 4 ปี หลังจากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินส่วนตัว
ผู้สังเกตการณ์การเมืองมักหยิบยกข้อกังวลเกี่ยวกับกระบวนการทางกฎหมายในจีน โดยผลการเก็บข้อมูลพบว่า หากคดีขึ้นศาลแล้ว มักมีการตัดสินโทษทางใดทางหนึ่งมากถึง 99% นั่นหมายความว่าโอกาสยกฟ้องมีอัตราเพียงแค่ 1% เท่านั้น.