รัฐมนตรีคลังยอมรับ การเทคโอเวอร์ธนาคารเครดิตสวิส ช่วยเซฟเศรษฐกิจประเทศ

รัฐมนตรีคลังยอมรับว่าเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์อาจจะล่มสลาย หากธนาคารเครดิตสวิสล้มละลายไปก่อนหน้านี้

(Photo by Fabrice COFFRINI / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 8 เมษายน 2566 กล่าวว่า คาริน เคลเลอร์-ซัตเตอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสวิตเซอร์แลนด์ยอมรับว่าเศรษฐกิจของประเทศอาจจะพังทลายลง หากวิกฤตของธนาคารเครดิตสวิส (Credit Suisse) ไม่ถูกแก้ไขได้เสียก่อน

ขุนคลังหญิงแห่งรัฐบาลสวิสให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศว่ารัฐบาลได้ดำเนินการเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประเทศในการเข้ายึดธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้การเทคโอเวอร์โดยธนาคารยูบีเอส (UBS) ซึ่งการจัดการที่รวดเร็วสามารถหยุดยั้งวิกฤตทางการเงินครั้งใหญ่ให้กับประเทศได้

ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการธนาคารทั่วโลกเมื่อเดือนที่แล้ว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเครดิตสวิสก็ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็วในวันที่ 15 มีนาคม หลังธนาคารประสบภาวะขาดทุนแบบทุบสถิติ, ลูกค้าพากันถอนเงินมากกว่า 1 แสนล้านฟรังก์สวิส และราคาหุ้นเริ่มดิ่งลงจนสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากนั้นรัฐบาลก็ดำเนินการเข้าซื้อกิจการในช่วงสุดสัปดาห์ก่อนที่ตลาดจะเปิดอีกครั้งในวันที่ 20 มีนาคม

เพื่อให้ธนาคารฯดำเนินธุรกิจต่อไปได้ รัฐบาลสวิสได้วางเงินค้ำประกันจำนวน 109,000 ล้านฟรังก์ (4.1 ล้านล้านบาท) และธนาคารกลางสวิสเป็นผู้ดำเนินการแก้ไขสภาพคล่องหลังการเทคโอเวอร์

"ในสถานการณ์เช่นนี้ เราพยายามอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อลดภาระของรัฐและประชาชนผู้เสียภาษี หากปราศจากการแทรกแซงจากรัฐบาล ทางเลือกอื่นคือการล้มละลายของเครดิตสวิส ตามมาด้วยการล่มสลายของเศรษฐกิจสวิส" เคลเลอร์-ซัตเตอร์ กล่าว

ธนาคารเครดิตสวิส เป็นหนึ่งในธนาคาร 30 แห่งทั่วโลกที่ถือว่ามีความสำคัญต่อระบบธนาคารระหว่างประเทศ ดังนั้นผลกระทบจะเลวร้ายในวงกว้าง หากเกิดการล้มละลาย

แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธนาคารฯประสบกับเรื่องอื้อฉาวหลายครั้ง และหลังจากที่ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ 3 แห่งล้มละลายลงในเดือนมีนาคม เครดิตสวิสจึงได้รับผลกระทบตามมา

สำหรับการพิจารณาว่าผู้บริหารรายใดจะถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่ รัฐมนตรีคลังสวิสกล่าวว่า "เป็นเรื่องยากและซับซ้อน"

เธอกล่าวเสริมว่า ลำดับความสำคัญของรัฐบาลคือการควบรวมกิจการให้เสร็จสมบูรณ์ โดยธนาคารยูบีเอสต้องการให้กระบวนการเทคโอเวอร์เสร็จสมบูรณ์ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อเดินหน้าปรับโครงสร้างทางธุรกิจต่อไป ซึ่งยูบีเอสจะกลายเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีสินทรัพย์การลงทุนมากกว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 170 ล้านล้านบาท)

เคลเลอร์-ซัตเตอร์ ทิ้งท้ายว่า รัฐบาลจะต้องวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน จากนั้นดำเนินการปรับกฎระเบียบที่เหมาะสมสำหรับธนาคารขนาดใหญ่ เพื่อหยุดยั้งการล่มสลายที่จะกระทบระบบเศรษฐกิจมหภาค.